ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 17 พฤษภาคม 2560 - 23 พฤษภาคม 2560
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 17-18 พ.ค. มีฝน ฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 19-23 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนมากด้านตะวันตกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.
- พื้นที่การเกษตร ในช่วงวันที่ 17-18 พ.ค. จะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรได้ เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลการเกษตร โดยการจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในพื้นที่เพาะปลูกเป็นเวลานานทำให้รากพืชขาดอากาศต้นพืชตายได้
- ไม้ผล สำหรับฝนที่ตกต่อเนื่องทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เหมาะแก่การระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผลและผลแก่ โดยเฉพาะลำไยและลิ้นจี่ เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้ผลที่เน่าเสียและร่วงหล่นกองอยู่ภายในบริเวณสวน เพราะจะเป็นแหล่งสะสมของโรคและศัตรูพืช โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากเชื้อรา
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 17-19 พ.ค. มีฝน ฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 19-23 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.
- พืชไร่/ไม้ผล/พืชผัก ฝนที่ตกต่อเนื่อง ทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เหมาะแก่การระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรชุบท่อนพันธุ์หรือคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อรา และดูแลระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ
- สัตว์เลี้ยง เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ในระยะนี้ ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ ชื้นแฉะเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้สัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย โดยเฉพาะสัตว์เท้ากีบ เช่น โคและกระบือ เป็นต้น ซึ่งอาจเป็นโรคปากและเท้าเปื่อยได้ รวมทั้งให้วัคซีนป้องกันโรคแก่สัตว์เลี้ยง
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 17-19 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 20-23 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.
- พืชไร่ ฝนที่ตกต่อเนื่องทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เหมาะแก่การระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในช่วงนี้ ควรชุบท่อนพันธุ์และคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารป้องกัน เชื้อรา
- สัตว์น้ำ เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยง ไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยนสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย และหลังฝนตกใหม่ควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อปรับสภาพน้ำ และเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 17-19 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 20-23 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตก เฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
- ไม้ผล สำหรับฝนที่ตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนัก อาจส่งผลกระทบต่อไม้ผลที่อยู่ในระยะผลแก่และเก็บเกี่ยว เช่น เกิดอาการไส้ซึมในทุเรียน และอาการเนื้อแก้วและยางไหลในมังคุดเป็นต้น เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้น้ำขังบริเวณแปลงปลูก โดยรีบระบายน้ำจากแปลงให้ได้มากที่สุด รวมทั้งระวังศัตรูพืชจำพวกหนอนที่จะกัดกินทำให้ผลผลิตเสียหาย
- พริกไทย เนื่องจากระยะนี้เป็นช่วงฤดูฝนปริมาณและการกระจายของฝนจะเพิ่มขึ้น เกษตรกรที่ปลูกพริกไทย ควรจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกัน น้ำขังในพื้นที่เพาะปลูก ซึ่งอาจทำให้พริกไทยเป็นโรครากเน่าได้
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง กับมีฝนตกหนัก บางแห่งในช่วงวันที่ 17-18 พ.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
- กาแฟ เกษตรกรที่ปลูกกาแฟ ควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเก็บกวาดกิ่งและใบที่ร่วงหล่นกองอยู่บนพื้นไปกำจัด เพื่อไม่ให้เป็นที่อาศัยหลบซ่อนของโรคและศัตรูพืช
- ยางพารา ระยะนี้จะมีฝนตกตลอดช่วงกับมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะทางตะวันตกของภาค ผู้ที่ปลูกยางพาราควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ตลอดช่วง กับมีฝนตกหนัก บางแห่ง ในช่วงวันที่ 17-19 พ.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ในช่วงวันที่ 20-22 พ.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
- กาแฟ เกษตรกรที่ปลูกกาแฟ ควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเก็บกวาดกิ่งและใบที่ร่วงหล่นกองอยู่บนพื้นไปกำจัด เพื่อไม่ให้เป็นที่อาศัยหลบซ่อนของโรคและศัตรูพืช
- ยางพารา ระยะนี้จะมีฝนตกตลอดช่วงกับมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะทางตะวันตกของภาค ผู้ที่ปลูกยางพาราควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
- ประมงชายฝั่ง ในช่วงวันที่ 17-19 พ.ค. คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง2-4 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74