พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 31 พฤษภาคม 2560 - 06 มิถุนายน 2560

ข่าวทั่วไป Wednesday May 31, 2017 13:37 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 31 พฤษภาคม 2560 - 06 มิถุนายน 2560

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 1-5 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ หลังจากนั้นฝนจะเพิ่มขึ้น อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.

  • ข้าวนาปีระยะนี้ปริมาณฝนจะลดลง สำหรับแปลงนาในพื้นที่ซึ่งมีฝนตกหนักในระยะที่ผ่านมา เกษตรกรควรรีบระบายน้ำส่วนที่เกินออกจากแปลงนา โดยรักษาระดับน้ำให้เหมาะสมกับความสูงของต้นกล้าเพื่อป้องกันต้นกล้าเน่าเสีย นอกจากนี้สภาพอากาศที่มีความชื้นสูงอาจชักนำให้เกิดการระบาดของโรคไหม้ ดังนั้นชาวนาควรหมั่นสำรวจแปลงนา หากพบควรรีบกำจัด
  • ไม้ดอก ระยะนี้สภาพอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรที่ปลูกไม้ดอกในโรงเรือน เช่น กล้วยไม้ เป็นต้น ควรดูแลโรงเรือนให้มีระบบระบายอากาศเพื่อลดความชื้น ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เกิดการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคแอนแทรกโนส โรคใบจุดและโรคเน่าดำ เป็นต้น

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 1- 5 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ หลังจากนั้นฝนจะเพิ่มขึ้น อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • พืชไร่ระยะนี้ดินและอากาศมีความชื้นสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคราน้ำค้างในข้าวโพด และ โรคเน่าคอดินในพืชตระกูลถั่ว เป็นต้น เกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลงปลูกหากพบควรรีบกำจัด รวมทั้งจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำขังบริเวณแปลงปลูกเมื่อมีฝนตกหนัก
  • สัตว์เลี้ยงเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะบริเวณตอนบนของภาค ไม่ควรปล่อยให้สัตว์อยู่ในที่ชื้นแฉะเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้สัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย โดยเฉพาะสัตว์เท้ากีบ เช่น โคและกระบือ ซึ่งอาจเป็นโรคปากและเท้าเปื่อยได้

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 1-5 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ หลังจากนั้นฝนจะเพิ่มขึ้น อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • พื้นที่การเกษตรระยะนี้ปริมาณฝนจะลดลงกว่าระยะที่ผ่านมา สำหรับพื้นที่การเกษตรซึ่งเกิดน้ำท่วมขัง เกษตรกรควรรีบระบายน้ำออกจากแปลงปลูก ไม่ให้มีน้ำท่วมขังโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศต้นพืชตายได้
  • พืชไร่ ระยะนี้สภาพแวดล้อมทั้งดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชไร่ช่วงต้นฤดูฝน เช่น อ้อย และมันสัมปะหลัง เป็นต้น ควรเลือกท่อนพันธุ์ที่ปลอดโรคและชุบท่อนพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อราก่อนปลูก รวมทั้งควรจัดทำระบบระบายน้ำในแปลงปลูกเพื่อป้องกันน้ำท่วมขังไว้ด้วย

ภาคตะวันออก

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส

  • ไม้ผล ระยะนี้บางพื้นที่จะยังคงมีฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังโดยเฉพาะในสวนไม้ผลซึ่งเป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืชนาน ทำให้รากพืชขาดอากาศ ต้นพืชตายได้
  • ข้าวนาปี ระยะนี้บริเวณตอนบนของภาคปริมาณฝนจะลดลงกว่าระยะที่ผ่านมา เกษตรกรควรรีบระบายน้ำส่วนที่มากเกินออกจากแปลงนา โดยรักษาระดับน้ำให้เหมาะสมกับความสูงของต้นกล้า เพื่อป้องกันต้นกล้าเน่าเสีย นอกจากนี้สภาพอากาศที่มีความชื้นสูงอาจชักนำให้เกิดการระบาดของโรคไหม้ ดังนั้นชาวนาควรหมั่นสำรวจแปลงนา หากพบควรรีบกำจัด

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส

  • ยางพารา ในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนควรระวังป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรครากขาว และโรคเส้นดำ หากพบโรคดังกล่าวควรรีบควบคุมโรค เพื่อไม่ให้ระบาดเป็นบริเวณกว้าง
  • ประมงชายฝั่งชาวเรือและชาวประมงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ ตลอดช่วง กับมีฝนตกหนักบางแห่งลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส

  • พื้นที่การเกษตรระยะนี้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะมีฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตรได้ โดยเฉพาะบริเวณที่ลาดเชิงเขา และพื้นที่ลุ่ม เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลการเกษตร โดยการจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในพื้นที่เพาะปลูกเป็นเวลานานทำให้รากพืชขาดอากาศต้นพืชตายได้
  • ยางพาราในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนควรระวังป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรครากขาว และโรคเส้นดำ หากพบโรคดังกล่าวควรรีบควบคุมโรค เพื่อไม่ให้ระบาดเป็นบริเวณกว้าง
  • ประมงชายฝั่งชาวเรือและชาวประมงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ