พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 28 กรกฎาคม 2560 - 03 สิงหาคม 2560

ข่าวทั่วไป Friday July 28, 2017 13:30 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 28 กรกฎาคม 2560 - 03 สิงหาคม 2560

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 28-29 ก.ค.มีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 30 ก.ค. – 3 ส.ค.มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.

  • พื้นที่การเกษตร สำหรับพื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำท่วมในระยะที่ผ่านมาหากระดับน้ำลดลงแล้ว เกษตรกรควรรีบฟื้นฟูสภาพสวนและแหล่งน้ำให้ใช้ได้ดีดังเดิม หากพบต้นไม้ที่ล้มเอนควรผูกยึดให้ตั้งตรง ถ้ามีบาดแผลควรทำความสะอาดและทาด้วยสารป้องกันเชื้อรา
  • พืชไร่/ไม้ผล/พืชผัก ในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรที่ปลูก พืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยดูแลพื้นที่เพาะปลูกให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก และไม่ควรปล่อยให้น้ำขังบริเวณโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศ ต้นพืชตายได้

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในวันที่ 28 ก.ค. มีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 29 ก.ค. – 3 ส.ค.มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนและด้านตะวันออกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียสลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • เกษตรกร ในช่วงที่มีฝนตกบางพื้นที่อาจมีน้ำขัง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการย่ำน้ำที่สกปรก หากมีความจำเป็นต้องเดินลุยน้ำควรสวมรองเท้าบูท เพื่อป้องกันโรคเล็ปโตสไปโรซิส หรือโรคฉี่หนู
  • ข้าวนาปี ในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกัน ทำให้อากาศมีความชื้นสูง ชาวนาควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคไหม้ ซึ่งจะทำให้ต้นข้าวเสียหาย สำหรับในช่วงที่มีน้ำท่วม ชาวนาควรระวังและป้องกันการระบาดของหอยเชอรี่ที่ลอยมากับน้ำ โดยใช้ตาข่ายดักบริเวณทางน้ำไหลเข้านา แล้วจับหอยไปทำลาย เพื่อป้องกันหอยดังกล่าวเข้ามาแพร่พันธุ์ในแปลงนา

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 28-29 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 30 ก.ค. – 3 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • พื้นที่การเกษตร สำหรับพื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำในพื้นที่เพาะปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืชนานทำให้รากพืชขาดอากาศต้นพืชตายได้
  • สัตว์น้ำ สำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพระจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย และหลังจากฝนตก เกษตรกรควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อให้น้ำผสมเป็นเนื้อเดียวกัน ป้องกันน้ำแยกชั้น

ภาคตะวันออก

ในวันที่ 28 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 29 ก.ค. – 3 ส.ค.มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส

  • ไม้ผล ในช่วงที่มีฝนตกต่อเนื่องทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรที่ปลูกไม้ผล ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรครากเน่าโคนเน่า ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหาย และตายได้ เกษตรกรควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายบเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคดังกล่าว
  • พื้นที่การเกษตร สำหรับในช่วงที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน พื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้น้ำขังในพื้นที่เพาะปลูกเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้รากพืชเน่า ต้นพืชตายได้

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในวันที่ 28 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 29 ก.ค. – 3 ส.ค.มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส

  • พื้นที่การเกษตร สำหรับภาคใต้ทางตอนบนของภาคจะมีปริมาณและการกระจายของฝนมากกว่าทางตอนล่างของภาค ซึ่งจะทำให้ทางตอนบนของภาคความชื้นในดินและในอากาศมีค่าสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ส่วนทางตอนล่างของภาคปริมาณฝนมีน้อย ทำให้สมดุลน้ำมีค่าเป็นลบ เกษตรกรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม
  • ไม้ผล ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะผลแก่และเก็บเกี่ยว เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้ผลที่เน่าเสีย และร่วงหล่น ตลอดจนเปลือกผลไม้กองอยู่ในบริเวณสวน เพราะจะเป็นแหล่งสะสมของโรคและศัตรูพืช โดยเฉพาะโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งอาจลุกลามจากเปลือกและผลที่เน่าเสียมาสู่ต้นพืชได้
  • ชาวประมง ในช่วงวันที่ 28-29 ก.ค. บริเวณทะเลอันดามันและบริเวณอ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นสูง2-3 เมตรบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากคลื่นลมที่แรง ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงดังกล่าว

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ตลอดช่วง ในช่วงวันที่ 28-29 ก.ค.ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 30 ก.ค. – 3 ส.ค.ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมากกว่า 2 เมตรอุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส

  • พื้นที่การเกษตร สำหรับภาคใต้ทางตอนบนของภาคจะมีปริมาณและการกระจายของฝนมากกว่าทางตอนล่างของภาค ซึ่งจะทำให้ทางตอนบนของภาคความชื้นในดินและในอากาศมีค่าสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ส่วนทางตอนล่างของภาคปริมาณฝนมีน้อย ทำให้สมดุลน้ำมีค่าเป็นลบ เกษตรกรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม
  • ไม้ผล ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะผลแก่และเก็บเกี่ยว เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้ผลที่เน่าเสีย และร่วงหล่น ตลอดจนเปลือกผลไม้กองอยู่ในบริเวณสวน เพราะจะเป็นแหล่งสะสมของโรคและศัตรูพืช โดยเฉพาะโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งอาจลุกลามจากเปลือกและผลที่เน่าเสียมาสู่ต้นพืชได้

-ชาวประมง ในช่วงวันที่ 28-29 ก.ค. บริเวณทะเลอันดามันและบริเวณอ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นสูง2-3 เมตรบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากคลื่นลมที่แรง ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงดังกล่าว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ