ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 11 กันยายน 2560 - 17 กันยายน 2560
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 11 - 13 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 14 - 17 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.
- พื้นที่การเกษตรในช่วงวันที่ 14-17 ก.ย. จะมีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับพื้นที่การเกษตรโดยเฉพาะในบริเวณที่ลุ่มเกษตรกรควรป้องกันน้ำท่วมขังบริเวณโคนต้น ซึ่งจะทำให้รากพืชขาดอากาศ ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโตและตายได้
- พืชไร่ระยะนี้สภาพอากาศยังคงมีความชื้นสูง เกษตรกรที่ปลูกพืชไร่ ควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยดูแลพื้นที่เพาะปลูกให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก และจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังแปลงปลูกเมื่อมีฝนตกหนัก
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 11 - 13 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 14 - 17 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
- พื้นที่การเกษตร ในช่วงวันที่ 14-17 ก.ย. จะมีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับพื้นที่การเกษตรซึ่งเป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรระวังป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลการเกษตร โดยปรับปรุงระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังแปลงปลูกเมื่อมีฝนตกหนัก
- ข้าวนาปี ระยะนี้สภาพอากาศมีความชื้นสูง สำหรับข้าวนาปีที่กำลังแตกกอ ชาวนาควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคไหม้และโรคใบจุดสีน้ำตาล เป็นต้น ซึ่งจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโตและผลผลิตลดลง รวมทั้งระวังการระบาดของหอยเชอรี่ ซึ่งจะกัดกินต้นข้าวทำให้ต้นข้าวเสียหาย ผลผลิตลดลง
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 11 - 13 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 14 - 17 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
- พื้นที่การเกาตรในช่วงวันที่ 14-17 ก.ย. จะมีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับพื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำในพื้นที่เพาะปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำขังในแปลงปลูกเป็นเวลานานทำให้รากพืชเน่า ต้นพืชตาย นอกจากนี้ควรจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับสูบน้ำเอาไว้ ให้พร้อมใช้งาน
- สัตว์น้ำในช่วงวันที่ 14-17 ก.ย. จะมีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรหมั่นสังเกตสัตว์ที่เลี้ยงโดยเฉพาะหลังจากที่มีฝนตก เนื่องจากอุณหภูมิของน้ำและสภาพน้ำเปลี่ยนแปลง อาจจะทำให้สัตว์ปรับตัวไม่ทัน จนอ่อนแอและติดเชื้อโรคได้ง่าย นอกจากนี้ควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อปรับสภาพน้ำ และเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 11 – 13 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 -30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 14 - 17 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
- พื้นที่การเกษตรในช่วงวันที่ 14-17 ก.ย. จะมีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง สภาพอากาศมีความชื้นสูง ชาวนาควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคไหม้และโรคใบจุดสีน้ำตาล เป็นต้น ซึ่งจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโตและผลผลิตลดลง
- ไม้ผลสำหรับเกษตรกรที่ปลูกไม้ผลควรระวังและป้องกัน การระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรครากเน่าโคนเน่า ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหายและตายได้ รวมทั้งควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเท ได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 11 - 13 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 -30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตรส่วนในช่วงวันที่ 14 - 17 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
- พืชไร่/ผักช่วงที่ผ่านมาบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนตกน้อยโดยเฉพาะบริเวณตอนบนของภาค และในช่วง 7 วันข้างหน้า แม้จะมีฝนแต่ปริมาณอาจไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรที่ปลูกพืชไร่หรือพืชผักชนิดต่างๆ บริเวณดังกล่าวจึงควรจัดหาน้ำให้แก่พืชที่ปลูกตามความเหมาะสม
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 11 - 13 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 -30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 14 - 17 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
- พื้นที่การเกษตรในช่วงวันที่ 14-17 ก.ย.บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับพื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำในพื้นที่เพาะปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำขังในแปลงปลูกเป็นเวลานานทำให้รากพืชเน่าต้นพืชตายได้
- ชาวเรือและชาวประมงในช่วงวันที่ 14-17 ก.ย. คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันจะมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ออกประกาศ 11 กันยายน 2560 00:00 น.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74