พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ระหว่างวันที่ 25-31 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ออกประกาศวันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2560
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 154/60
การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 26-29 ธ.ค. ประเทศไทยตอนบนรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีอากาศเย็นถึงหนาวอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส โดยจะมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 30-31 ธ.ค. ประเทศไทยตอนบน รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิจะลดลงอีก 2-4 องศาเซลเซียส สำหรับภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นตลอดช่วง โดยจะมีฝนตกหนักบางพื้นที่ทางตอนล่างของภาคตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป ส่วนบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
คำเตือน ในช่วงวันที่ 26-28 ธ.ค. สำหรับเกษตรกรบริเวณภาคใต้ตอนบน และในช่วงวันที่ 29-31 ธ.ค. เกษตรกรบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ควรระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง และเกษตรกรที่อาศัยอยู่ภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่งตลอดช่วงสำหรับเกษตรกรบริเวณประเทศไทยตอนบนให้ดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นตลอดช่วงไว้ด้วย
คำแนะนำสำหรับการเกษตร
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ในช่วงวันที่ 26-29 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง1-3 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 11-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด23-31 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวอุณหภูมิต่ำสุด 6-10 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่30-31 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 9-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-30 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 2-7 องศาเซลเซียส กับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ระยะนี้จะมีอากาศหนาวโดยทั่วไป เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังจากจุดไฟผิงให้ความอบอุ่น เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย
- ในช่วงวันที่ 26-28 ธ.ค. จะมีฝนเล็กน้อยบางแห่งเกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้งเพราะอาจทำให้เปียกชื้นเสียหายได้
- สำหรับบริเวณยอดดอยจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีน้ำค้างแข็งได้บางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ในช่วงวันที่ 26-29 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 10-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-31 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 7-11 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 30-31 ธ.ค.อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียสอุณหภูมิต่ำสุด 9-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดอุณหภูมิต่ำสุด 3-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ช่วงนี้อากาศแห้งและมีลมแรง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำ แนวกันไฟรอบพื้นที่การเกษตร อาคารบ้านเรือน และโรงเก็บพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งหลีกเลี่ยงการจุดไฟในพื้นที่การเกษตรโดยเฉพาะบริเวณสวนยางพารา เพราะอาจทำให้ลุกลามจนเป็นอัคคีภัยได้
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงปลาในบ่อควรลดปริมาณอาหารลงเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นทำให้ปลากินอาหารได้น้อยอาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย สัตว์น้ำที่อาศัยอยู่จะอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- ในช่วงวันที่ 26-28 ธ.ค. จะมีฝนเล็กน้อยบางแห่งเกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้งเพราะอาจทำให้เปียกชื้นเสียหายได้
ภาคกลาง
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ในช่วงวันที่ 26-29 ธ.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-31องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 30-31 ธ.ค. อากาศเย็นอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้น สัมพัทธ์ 65-75 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ระยะนี้ทางตอนบนของภาคยังคงมีอากาศหนาวเย็น ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนไม่ให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- เนื่องจากระยะนี้อากาศแห้งและมีแสงแดดจัด ทำให้อัตราการระเหยของน้ำจากดินมีมากขึ้น เกษตรกรจึงควรให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง และควรนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรคลุมโคนต้นพืช เพื่อรักษาความชื้นในดิน
ภาคตะวันออก
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ในช่วงวันที่ 26-29 ธ.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 30-31 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด15-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- เนื่องจากระยะนี้อากาศแห้งและมีแสงแดดจัด ทำให้อัตราการระเหยของน้ำจากดินมีมากขึ้น เกษตรกรที่ปลูกพืชไร่และพืชผักควรให้น้ำแก่พืชที่ปลูกอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง และควรนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรคลุมโคนต้นพืชเพื่อรักษาความชื้นในดิน
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในช่วงที่อากาศเย็น สัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อยลงทำให้สัตว์น้ำเจริญเติบโตช้า และอาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย เกษตรกรควรลดปริมาณอาหารลงรวมทั้งควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อเพิ่มออกซิเจนในน้ำและปรับอุณหภูมิน้ำในบ่อเลี้ยง
ภาคใต้
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ฝั่งตะวันออก ฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 26-28 ธ.ค. มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตรบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 29-31 ธ.ค. มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว20-45 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-31 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %
ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 25-29 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ10-20 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 30-31 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ในช่วงวันที่ 28-31 ธ.ค. ภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปจะมีฝนตกหนักบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
- สำหรับทางตอนบนของภาคจะมีปริมาณและการกระจายฝนน้อยกับมีน้ำระเหยมาก เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชที่ปลูกอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้พืชชะงักการเจริญเติบโตผลผลิตลดลง รวมทั้งนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรคลุมโคนต้นพืช เพื่อรักษาความชื้นในดิน
- ในระยะนี้บริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นลมแรงโดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร เกษตรกรที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งของภาคใต้ฝั่งตะวันออกควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากคลื่นลมแรงซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
ปริมาณฝนสะสมเดือนธันวาคม (ในช่วงวันที่ 1-24 ธ.ค.) บริเวณประเทศไทยตอนบนมีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 50 มม.โดยภาคเหนือตอนบนและภาคกลางตอนล่างมีปริมาณฝนสะสม 5-50 มม. สำหรับภาคใต้ส่วนมากมีปริมาณฝนสะสม50-600 มม. โดยภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่างมีปริมาณฝนสะสมสูงสุด 300-600 มม.
ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา บริเวณประเทศไทยตอนบนและภาคใต้ตอนบนไม่มีรายงานฝนตก สำหรับภาคใต้ตอนล่างส่วนมากมีปริมาณฝนสะสม 1-200 มม. โดยภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่างมีปริมาณฝนสะสมสูงสุด 100-200 มม.
ศักย์การคายระเหยน้ำ สะสม บริเวณประเทศไทยส่วนมากมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำ สะสม 15-35 มม. โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างด้านตะวันออก และภาคกลางด้านตะวันออก มีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสมมากกว่าบริเวณอื่นๆ
สมดุลน้ำสะสม บริเวณประเทศไทยตอนบนส่วนมากมีค่าสมดุลน้ำสะสม (-10)-(-40) มม. โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างด้านตะวันออก และภาคกลางด้านตะวันออก มีค่าสมดุลน้ำสะสม (-30)-(-40) มม. สำหรับภาคใต้ส่วนมากมีค่าสมดุลน้ำสะสม (-1)-(-30) มม. เว้นแต่ภาคใต้ตอนล่างมีค่าสมดุลน้ำสะสม 10-150 มม.
คำแนะนำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาบริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นและภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ สำหรับในช่วง 7 วันข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศหนาวเย็นและมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว รวมทั้งควรใช้น้ำทางด้านการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ สำหรับในช่วงวันที่ 29-31 ธ.ค. บริเวณภาคใต้ตอนล่างจะมีฝนตกหนักบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว นอกจากนี้ควรระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74