พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า
ระหว่างวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2561 - 12 กุมภาพันธ์ 2561
การคาดหมาย
ในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. ประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิจะลดลงได้อีก 1-3 องศาเซลเซียส ทำให้มีอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่องกับมีลมแรง หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 9-12 ก.พ. บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น 3-5 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ รวมถึงมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง สำหรับภาคใต้จะมีฝนลดลง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังอ่อนลง โดยในช่วงวันที่ 11-12 ก.พ. ประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส โดยจะเริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป
สำหรับภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 6-7 ก.พ. คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกให้ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันทื่ 7 ก.พ. หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 9-12 ก.พ. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย
ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่องกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงได้อีก หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 9-10 ก.พ. บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง โดยในช่วงวันที่ 11-12 ก.พ. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง ในช่วงวันที่ 6-7 ก.พ. มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างและทะเลอันดามันมีกำลังแรง หลังจากนั้น ในช่วงวันที่ 8-12 ก.พ. มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังอ่อนลง ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง
ภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 6-8 และ 11-12 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาว และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 12-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-29 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 2-7 องศาเซลเซียส และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 9-10 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 15-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 6-8 และ 11-12 ก.พ. อากาศหนาวกับมีลมแรง และอุณภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-27 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม.
หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 9-10 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 3-5 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 14-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-30 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคกลาง ในช่วงวันที่ 6-7 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง
อุณหภูมิต่ำสุด 15-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-29 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม.
ส่วนในช่วงวันที่ 8-12 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 3-5 องศาเซลเซียส โดยในช่วงวันที่ 11-12 ก.พ.จะมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.
ภาคตะวันออก ในช่วงวันที่ 6-7 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง
อุณหภูมิต่ำสุด 14-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-29 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 8-12 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 3-5 องศาเซลเซียส โดยในช่วงวันที่ 11-12 ก.พ. มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ตลอดช่วง
ในช่วงวันที่ 6 - 7 ก.พ. ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา: ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส
ส่วนในช่วงวันที่ 8 - 12 ก.พ. ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ตลอดช่วง
ในช่วงวันที่ 6 - 7 ก.พ. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูงมากว่า 2 เมตร
ส่วนในวันที่ 8 - 12 ก.พ. ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
อุณหภูมิต่ำสุด 20-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในช่วงวันที่ 6 - 7 อากาศเย็นกับมีลมแรง
อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-29 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม.
ส่วนในช่วงวันที่ 8 - 12 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 3-5 องศาเซลเซียส โดยในช่วงวันที่ 11-12 ก.พ. มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.
ออกประกาศ 6 กุมภาพันธ์ 2561
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74