พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ระหว่างวันที่ 23-29 เมษายน พ.ศ. 2561
ออกประกาศวันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2561
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 49/61
การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 24-28 เม.ย. ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน กับมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยจะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ โดยจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นจะได้รับผลกระทบในวันถัดไป หลังจากนั้น ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที
คำเตือน ในช่วงวันที่ 24-28 เม.ย. ขอให้เกษตรกรบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้นไว้ด้วย รวมทั้งระมัดระวัง และป้องกันความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
คำแนะนำสำหรับการเกษตร
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ในช่วงวันที่ 23-24 และ 29 เม.ย. อากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-27องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 25-28 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70%
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ระยะนี้จะมีสภาพอากาศแปรปรวน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และหมั่นสังเกตสัตว์เลี้ยง หากพบสัตว์เจ็บป่วยควรแยกออกแล้วทำการรักษา
- ในช่วงวันที่ 25-28 เม.ย. จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว และควรผูกยึดและค้ำยันกิ่งของไม้ผลให้อยู่ในสภาพมั่นคงและแข็งแรง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง เพราะจะทำให้เปียกชื้นเสียหายได้
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ในช่วงวันที่ 24-28 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 29-30 เม.ย. อากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด36-38 องศาเซลเซียสความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ระยะนี้จะมีสภาพอากาศแปรปรวน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และหมั่นสังเกตสัตว์เลี้ยง หากพบสัตว์เจ็บป่วยควรแยกออกแล้วทำการรักษา
- ในช่วงวันที่ 24-28 เม.ย. จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับอาคารบ้านเรือนและพืชผลทางการเกษตร ผลผลิตที่แก่ดีแล้วควรรีบเก็บเกี่ยว และไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งขณะที่มีฟ้าคะนอง
- แม้จะมีฝนตกในระยะนี้แต่ปริมาณและการกระจายยังไม่สม่ำเสมอเพียงพอต่อการเริ่มต้นเพาะปลูก เกษตรกรควรเตรียมแปลงปลูกให้พร้อมจนกว่าการกระจายและปริมาณฝนมากเพียงพอ และฝนตกต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ
ภาคกลาง
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ในช่วงวันที่ 23-24 และ 29 เม.ย. อากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-39 องศาเซลเซียส ส่วนในวันที่ 25-28 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ระยะนี้จะมีสภาพอากาศแปรปรวน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพตนเองให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
- ในช่วงวันที่ 25-28 เม.ย. จะมีพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว และควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง เพราะจะทำให้เปียกชื้นเสียหายได้
- เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคตะวันออก
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ในช่วงวันที่ 23-24 เม.ย. มีอากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 25-29 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด30-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นประมาณ 1 เมตรความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ในช่วงวันที่ 25-29 เม.ย. จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว และควรผูกยึดและค้ำยันกิ่งของไม้ผลให้อยู่ในสภาพมั่นคงและแข็งแรง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง เพราะจะทำให้เปียกชื้นเสียหายได้
- ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยนสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคใต้
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 23-25 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 26-29 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตรอุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 23-25 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 26-29 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- เนื่องจากปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อย เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้เหมาะสม เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง โดยให้น้ำแก่พืชอย่างมีสิทธิภาพ เช่นให้น้ำบริเวณทรงพุ่ม หรือให้น้ำระบบน้ำหยดเป็นต้น รวมทั้งคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืช เพื่อรักษาความชื้นภายในดิน
- สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะติดผลอ่อน และเจริญเติบโตทางผล เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันผลผลิตชะงักการเจริญเติบโตและแคระแกร็น รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนทำให้ผลผลิตเสียหายได้
ปริมาณฝนสะสมเดือนเมษายน (ในช่วงวันที่ 1-22 เมษายน 2561) บริเวณประเทศไทยส่วนใหญ่มีปริมาณฝนสะสม 10-100 มม.เว้นแต่บริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน ลำพูน พิจิตร หนองคาย อุดรธานี ลพบุรี กาญจนบุรี สมุทรปราการ กรุงเทพมหานครสระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ตราดและประจวบคีรีขันธ์ ที่มีปริมาณฝนสะสมสูงกว่า 100 มม.
ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา บริเวณประเทศไทยตอนส่วนใหญ่มีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 100 มม. เว้นแต่ในบางพื้นที่บริเวณชายฝั่งภาคตะวันออก ที่มีปริมาณฝนสะสมสูงกว่า 100 มม.
ศักย์การคายระเหยน้ำสะสม บริเวณประเทศไทยมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 25-40 มม.
สมดุลน้ำสะสม ประเทศไทยส่วนมากมีค่าสมดุลน้ำสะสมเป็นลบคือ (-1)-(-40) มม. เว้นแต่บริเวณที่มีฝนตกในช่วงที่ผ่านมาจะมีค่าสมดุลน้ำสมเป็นบวก คือ 1-40 มม. ส่วนมากได้แก่บริเวณด้านตะวันออกของภาคเหนือต่อเนื่องถึงบางพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน
คำแนะนำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาบริเวณประเทศไทยมีรายงานอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงในบางพื้นที่ สำหรับในช่วง 7 วันข้างหน้าจะมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน โดยจะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงบางแห่งบริเวณประเทศไทยตอนบนในระยะกลางสัปดาห์ เกษตรกรควรระวังอันตรายจากสภาวะดังกล่าว และควรระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชทำให้ผลผลิตเสียหายได้ สำหรับภาคใต้จะยังคงมีฝนน้อย เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่าเหมาะสมเพื่อจะได้มีน้ำไว้ใช้ในช่วงแล้ง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74