พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 7 - 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ข่าวทั่วไป Monday May 7, 2018 16:05 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 7 - 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ออกประกาศวันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 55/61

การคาดหมายลักษณะ ในช่วงวันที่ 7 – 8 พ.ค. บริเวณประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองลดลง ส่วนในช่วงวันที่ 9 – 13 พ.ค. บริเวณประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณภาคใต้จะมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรโดยเฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

คำเตือน ในช่วงวันที่ 9 - 13 พ.ค. ขอให้เกบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสม สำหรับชาวเรือบริเวณภาคใต้ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

คำแนะนำสำหรับการเกษตร

ภาคเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 7 - 8 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 9 - 13 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้มีฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนักบางแห่ง ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรได้ เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลการเกษตร โดยการดูแลระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในพื้นที่เพาะปลูกเป็นเวลานานทำให้รากพืชขาดอากาศต้นพืชตายได้
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลหลังคาโรงเรือนอย่าให้มีรอยรั่วซึม และจัดทำแผงกำบังฝนสาดให้กับโรงเรือนเลี้ยงสัตว์รวมทั้งดูแลสุขภาพสัตว์ให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยโดยเฉพาะโรคหวัดในสัตว์ปีก และโรคคอบวมในสัตว์เท้ากีบโดยหมั่นสังเกตสัตว์เลี้ยง หากพบสัตว์เจ็บป่วยให้แยกออกแล้วทำการรักษา นอกจากนี้ควรให้วัคซีนแก่สัตว์เพื่อป้องกันโรคที่จะเกิดขึ้นในฤดูฝน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 7 - 8 และ 12 - 13 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 9 - 11 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว10-25 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ฝนที่ตกต่อเนื่อง ทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เหมาะแก่การระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผักเกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลงปลูก หากพบการระบาดของโรคควรรีบควบคุม ก่อนระบาดเป็นบริเวณกว้าง
  • ส่วน เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรชุบท่อนพันธุ์หรือคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อรา และดูแลระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่จะเกิดกับสัตว์ในช่วงฤดูฝน รวมทั้งดูแลหลังคาโรงเรือนอย่าให้มีรอยรั่วซึมและจัดทำแผงกำบังฝนสาดให้กับโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงเปียกฝน หนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคกลาง

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 7 - 8 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 9 - 13 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้มีฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนักบางแห่ง ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรได้ เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลการเกษตร โดยการจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในพื้นที่เพาะปลูกเป็นเวลานานทำให้รากพืชขาดอากาศต้นพืชตายได้
  • สำหรับสภาพอากาศและดินที่มีความชื้นสูง เหมาะแก่การระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผักเกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลงปลูก หากพบการระบาดของโรคควรรีบควบคุม ก่อนระบาดเป็นบริเวณกว้าง

ภาคตะวันออก

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 7 - 8 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 9 - 13 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียสลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • สำหรับฝนที่ตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง อาจส่งผลกระทบต่อไม้ผลที่อยู่ในระยะผลแก่และเก็บเกี่ยวเกษตรกรไม่ควรปล่อยให้น้ำขังบริเวณแปลงปลูก โดยรีบระบายน้ำจากแปลงให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในพื้นที่เพาะปลูกเป็นเวลานานทำให้รากพืชขาดอากาศต้นพืชตายได้ รวมทั้งระวังศัตรูพืชจำพวกหนอนที่จะกัดกินทำให้ผลผลิตเสียหาย
  • เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยง ควรเสริมขอบบ่อให้สูงขึ้น เพื่อป้องกันน้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยนสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อปรับสภาพน้ำ และเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ

ภาคใต้

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 7 - 8 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 9 - 13 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 7 - 8 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 9 - 13 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • สำหรับฝนที่ตกต่อเนื่อง กับมีฝนตกหนักบางพื้นที่เกษตรกรควรระวังอันตรายจากสภาวะดังกล่าว โดยปรับปรุงระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังบริเวณแปลงปลูกเมื่อมีฝนตกหนัก
  • ฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องทำให้สภาพอากาศและดินมีความชื้นสูง ชาวสวนยางพารา ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งจะทำให้ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ โดยดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน
  • สำหรับชาวสวนไม้ผลควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโตผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ
รายงานสถานการณ์สมดุลน้ำใน 7 วันที่ผ่านมา และการคาดการณ์ผลกระทบต่อการเกษตร ในช่วงวันที่ 7-13 พฤษภาคม 2561

ปริมาณฝนสะสมเดือนพฤษภาคม (ในช่วงวันที่ 1-6 พฤษภาคม) ประเทศไทยส่วนมากมีปริมาณฝนสะสม 1-100 มม. เว้นแต่ภาคเหนือตอนบนบริเวณจังหวัดเชียงราย และพะเยา ที่มีปริมาณฝนสะสม 100-150 มม.

ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา (ช่วงวันมี่ 30 เม.ย. – 6 พ.ค.) ประเทศไทยส่วนใหญ่มีปริมาณฝนสะสม 5-100 มม. เว้นแต่บางพื้นที่ทางตอนบนของบริเวณภาคเหนือ และภาคใต้ ที่มีปริมาณฝนสะสม 100-150 มม.

ศักย์การคายระเหยน้ำสะสม ประเทศไทยมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 25-35 มม. เป็นส่วนใหญ่สมดุลน้ำสะสม บริเวณประเทศไทยส่วนมากมีค่าสมดุลน้ำสะสมเป็นบวกคือ 1-150 มม. เว้นแต่บางพื้นที่ส่วนมากบริเวณตอนล่างของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ที่มีค่าสมดุลน้ำสมสมเป็นลบ (-1) - (-30) มม.

คำแนะนำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา บริเวณประเทศไทยมีรายงานพายุฝนฟ้าคะนอง และฝนตกหนักหลายพื้นที่ สำหรับในช่วง 7วันข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝน กับฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในช่วงฤดูฝน ควรเตรียมพื้นที่เพาะปลูกเอาไว้ให้พร้อม เมื่อมีฝนตกสม่ำเสมอดีแล้วจึงค่อยลงมือปลูก และไม่ควรปลูกแน่นจนเกินไป เพราะอาจทำให้เพิ่มความชื้นสะสมในแปลงปลูก ส่งผลทำให้เกิดโรคพืชจากเชื้อรา รวมทั้งควรชุบท่อนพันธุ์และคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื่อรา และจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มี ประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังเมื่อมีฝนตกหนัก

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ