พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ระหว่างวันที่ 25 กุมภาพันธ์ – 3 มีนาคม พ.ศ. 2562
ออกประกาศวันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 24/62
การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 25 – 27 ก.พ. 62 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 28 ก.พ. - 3 มี.ค. 62 ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้นโดยทั่วไป กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนบางพื้นที่ ส่วนมากตามบริเวณชายฝั่งของภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง
ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 25 – 27 ก.พ. 62 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบน จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นโดยเริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆจะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป ส่วนในช่วงวันที่ 28 ก.พ. – 3 มี.ค. 62 มีความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนเกิดขึ้นบางพื้นที่
คำเตือน ในช่วงวันที่ 25-27 ก.พ. 62 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางพื้นที่ จะทำให้บ้านเรือนที่ไม่แข็งแรง ป้ายโฆษณา และกิ่งไม้ที่ผุ ได้รับความเสียหายได้ สำหรับเกษตรกรควรระมัดระวัง และป้องกันความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
คำแนะนำสำหรับการเกษตร
ภาคเหนือ
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ในวันที่ 25 - 27 ก.พ. 62 อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง ส่วนมากตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 14-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 28 ก.พ. - 3 มี.ค. 62 อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 17-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกความเร็ว 10-15 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ระยะนี้อุณหภูมิในตอนกลางวันและกลางคืนจะแตกต่างกันมาก เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- ในช่วงวันที่ 25 - 27 ก.พ. จะมีพายุฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตรไว้ด้วย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ในช่วงวันที่ 25 - 26 ก.พ. 62 มีเมฆมาก กับมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในวันที่ 27 ก.พ. - 3 มี.ค. 62 มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ในระยะนี้จะมีอากาศร้อนในตอนกลางวันกับมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงและมีลูกเห็บตกบางพื้นที่เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว รวมทั้งไม่ควรตากผลผลิตไว้กลางแจ้ง
- เนื่องจากสภาวะอากาศร้อนในตอนกลางวัน ทำให้การระเหยของน้ำมีมาก เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืช และโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน และเป็นการรักษาความชื้นภายในดิน
ภาคกลาง
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ในช่วงวันที่ 25 - 27 ก.พ. 62 มีอากาศร้อนในตอนกลางวันโดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 28 ก.พ. - 3 มี.ค.62 มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ในช่วงวันที่ 25-27 ก.พ. จะมีอากาศร้อนในตอนกลางวันกับมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายจาก
- สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ ควรเลือกพืชที่ต้องการน้ำค่อนข้างน้อย และมีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น เช่น พืชตระกูลถั่ว เป็นต้น
ภาคตะวันออก
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ในช่วงวันที่ 25 - 27 ก.พ. 62 มีอากาศร้อนในตอนกลางวันโดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 28 ก.พ.-3 มี.ค. 62 มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณชายฝั่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ในช่วงวันที่ 25-27 ก.พ. จะมีอากาศร้อนในตอนกลางวันกับมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายจาก
- เกษตรกรที่ปลูกทุเรียนควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืช เช่น เพลี้ยแป้ง หนอนกินขั้วผลและหนอนเจาะลำต้นทุเรียน เป็นต้น
ภาคใต้
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตรอุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %
ฝั่งตะวันตก ฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งตลอดช่วง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชทำ ให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ
- ในช่วงที่มีฝนตกน้อยและไม่พอเพียงกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชตามความเหมาะสมและควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำและเป็นการรักษาความชื้นภายในดิน
- เกษตรกรที่ปลูกทุเรียนควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืช เช่น เพลี้ยไฟและหนอนเจาะลำต้นทุเรียน เป็นต้น
ปริมาณฝนสะสมเดือนกุมภาพันธ์ (ในช่วงวันที่ 1-24 ก.พ.) บริเวณประเทศไทยมีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 50 มม. เว้นแต่ในบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือตอนล่างด้านตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันออกที่มีปริมาณฝนสะสม 50-100 มม.
สำหรับภาคใต้มีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 50 มม. เว้นแต่ทางตอนล่างของภาคที่มีปริมาณฝนสะสม 50-100 มม.ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา (ในช่วงวันที่ 15-21 ก.พ.) บริเวณประเทศไทยส่วนใหญ่มีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า25 มม. เว้นแต่ในบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกตอนบนที่มีปริมาณฝนสะสม 50-100 มม.
ศักย์การคายระเหยน้ำ สะสม ประเทศไทยส่วนใหญ่มีค่าศักย์การคายระเหยน้ำ สะสม 20-35 มม. โดยบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสมสูงกว่าบริเวณอื่นๆ
สมดุลน้ำ ประเทศไทยส่วนใหญ่มีค่าสมดุลน้ำเป็นลบ คือ (-1) - (-40) มม. เว้นแต่บริเวณจังหวัดสมุทรปราการที่มีค่าสมดุลน้ำเป็นบวก คือ 1-70 มม.
คำแนะนำ สัปดาห์ที่ผ่านมา บริเวณประเทศไทยมีรายงานฝนตกหนักบางพื้นที่ สำหรับในช่วง 7 วันข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้นโดยทั่วไป กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยในช่วงวันที่ 25 – 27 ก.พ. จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น เกษตรกรควรระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าฝนคะนอง ลมกระโชกแรง กับมีลูกเห็บเกิดขึ้นบางพื้นที่ ส่วนอุณหภูมิในช่วงกลางวันและกลางคืนที่แตกต่างกันมาก เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรงป้องกันการเจ็บป่วย อีกทั้งควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมตามความเหมาะสม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74