ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 25 มกราคม 2551 - 31 มกราคม 2551
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค.มีหมอกในตอนเช้าและมีฝนเป็นแห่งๆ อากาศหนาวทางตอนบนของภาค ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และในช่วง วันที่ 28-31 ม.ค.อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส สำหรับผักและพืชไร่เกษตรกรควรให้น้ำอย่างเพียงพอ และนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรคลุมโคนต้นเพื่อสงวนความชื้นในดิน อนึ่ง เกษตรกรที่เตรียมพื้นที่การเพาะปลูก ควรหลีกเลี่ยงการเผาเศษซากวัสดุการเกษตร เพราะจะเป็นสาเหตุให้ดินเสื่อม และเพิ่มฝุ่นละอองในอากาศ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค.มีฝนเป็นแห่งๆถึงกระจาย และมีลมแรง อากาศหนาวทางตอนบนของภาค ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว และในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-3 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตร เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้ ส่วนไม้ผลที่กำลังออกดอกและติดผลอ่อน เช่น มะม่วง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ รวมทั้งควรระวังป้องกันศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรต่างๆ
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. มีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อากาศเย็น และในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค.อุณหภูมิสูงขึ้น สำหรับอ้อยที่อยู่ในระยะเก็บเกี่ยว เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเผา เพราะจะทำให้ดินเสื่อม และควันไฟจะทำให้ทัศนวิสัยลดลงโดยเฉพาะบริเวณใกล้ถนน อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย อีกทั้งอาจก่ออัคคีภัยลุกลามพื้นที่การเกษตรและที่อยู่อาศัย
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. มีฝนเป็นแห่งๆ อากาศเย็น และในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้น1-2 องศาเซลเซียส เนื่องจากระยะนี้ฝนมีปริมาณน้อย เกษตรกรควรวางแผนการปลูกพืชอย่างมีประสิทธิภาพ หากไม่มีแหล่งน้ำสำรองควรหลีกเลี่ยงการพาะปลูกในระยะนี้ เพราะเสี่ยงต่อสภาวะความแห้งแล้งที่จะทำให้ผลผลิตเสียหาย
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 25-28 ม.ค.มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ทางภาคใต้ฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป และในวันที่ 29-31 ม.ค.มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ สำหรับบริเวณที่มีฝนตกเกษตรกรควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะลดลง สำหรับบริเวณที่อากาศแห้งชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัยโดยหลีกเลี่ยงการจุดไฟในบริเวณสวน อนึ่ง ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. คลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรง จึงควรเฝ้าระวังผลกระทบต่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่ง ส่วนชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กในอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่ง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74
-สส-