พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ระหว่างวันที่ 4 - 10 มีนาคม พ.ศ. 2562
ออกประกาศวันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2562
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 27/62
การคาดหมายลักษณะอากาศ ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนในตอนกลางวันกับมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้เป็นบางพื้นที่ตลอดช่วง
ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิ สูงขึ้นกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวันตลอดช่วงประกอบกับในช่วงวันที่ 4–7 มีนาคม มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุม ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ สำหรับลมตะวันออกพัดปกคลุมภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งตลอดช่วง
คำเตือน ระยะนี้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อนในตอนกลางวันกับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพ ให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
คำแนะนำสำหรับการเกษตร
ภาคเหนือ
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ในช่วงวันที่ 4-8 มี.ค. มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ส่วนในช่วงวันที่ 9-0 มี.ค. มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝน ฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 16-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-15 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 55-65 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ระยะนี้จะมีอากาศร้อนในตอนกลางวันกับมีฝน ฟ้าคะนองบางแห่ง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย นอกจากนี้ควรให้น้ำแก่พืชตามความเหมาะสม
- เกษตรกรที่ปลูกลิ้นจี่ควรระวังและป้องกันการระบาด ของศัตรูพืช เช่น หนอนเจาะขั้วผลและมวนลำไย เป็นต้น
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ในช่วงวันที่ 4-7 มี.ค. มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝน ฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 8-10 มี.ค. มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 55-65 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ระยะนี้จะมีอากาศร้อนในตอนกลางวันกับมีฝน ฟ้าคะนองบางแห่ง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชตามความเหมาะสม นอกจากนี้ควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืช และโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำและเป็นการรักษาความชื้นภายในดิน
- เกษตรกรที่ปลูกอ้อยควรระวังและป้องกันการระบาด ของศัตรูพืช เช่น ปลวกและหนู เป็นต้น
ภาคกลาง
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ในช่วงวันที่ 4-6 มี.ค. มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 7-10 มี.ค.มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ระยะนี้จะมีอากาศร้อนในตอนกลางวันกับมีฝน ฟ้าคะนองบางแห่ง เกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทาน ควรให้น้ำแก่พืชตามความเหมาะสม นอกจากนี้ควรเก็บกักน้ำไว้ใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงที่มีฝนตกน้อย
- เกษตรกรที่ปลูกส้มโอควรระวังและป้องกันการระบาด ของศัตรูพืช เช่น หนอนชอนใบและหนอนฝีดาษ เป็นต้น
ภาคตะวันออก
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ในช่วงวันที่ 4-7 มี.ค. มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 8-10 มี.ค.มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ระยะนี้จะมีอากาศร้อนในตอนกลางวันกับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชตามความเหมาะสม
- เกษตรกรที่ป ลูกทุเรียน ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืช เช่น หนอนกินขั้วผล และหนอนเจาะลำต้นทุเรียน เป็นต้น
ภาคใต้
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ฝั่งตะวันออก มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ10 ของพื้นที่ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 30-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
ฝั่งตะวัน ต ก มีเมฆบ งส่วน กับ ฝนฟ้าคะนองร้อยละ10 ของพื้นที่ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว10-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งตลอดช่วง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชทำ ให้พืชชะงัก การเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ
- ในช่วงที่มีฝนตกน้อยและไม่พอเพียงกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชตามความเหมาะสมและควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าวและหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำและเป็นการรักษาความชื้นภายในดิน
- เกษตรกรที่ปลูกเงาะควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืช เช่น หนอนกินช่อดอก เป็นต้น
ปริมาณฝนสะสมเดือนมีนาคม (ช่วงวันที่ 1-3 มี.ค.) บริเวณประเทศไทยมีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 25 มม. เป็นส่วนใหญ่ เว้นแต่บริเวณภาคตะวันออกตอนล่างที่มีปริมาณฝนสะสม 25-100 มม. โดยฝนส่วนใหญ่อยู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก
ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา ประเทศไทยมีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 50 มม. เป็นส่วนใหญ่ เว้นแต่บริเวณภาคตะวันออกตอนบนและตอนล่างที่มีปริมาณฝนสะสม 50-100 มม. โดยฝนส่วนใหญ่อยู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก
ศักย์การคายระเหยน้ำสะสม ประเทศไทยส่วนใหญ่มีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 25-35 มม. เว้นแต่ในบางพื้นที่บริเวณ ภาคกลางด้านตะวันตก และภาคใต้ตอนล่าง ที่มีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 35-40 มม.
สมดุลน้ำ ประเทศไทยมีค่าสมดุลน้ำเป็นลบ คือ (-20) - (-40) มม. เป็นส่วนใหญ่ เว้นแต่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออกตอนบนและตอนล่าง ที่มีค่าสมดุลน้ำเป็นบวก คือ 1-40 มม.
คำแนะนำ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งส่วนมากบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก สำหรับในช่วง 7 วันข้างหน้า บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการทำงานกลางแจ้งหรือบริเวณที่มีอากาศร้อนเป็นเวลานานเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคลมแดด สำหรับภาคใต้ระยะนี้ปริมาณฝนมีน้อย เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชตามความเหมาะสม เพราะหากต้นพืชขาดน้ำ เป็นเวลานานอาจทำให้ต้นพืชเหี่ยวเฉาและตายได้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74