พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ระหว่างวันที่ 8-14 มีนาคม พ.ศ. 2562
ออกประกาศวันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2562
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 29/62
การคาดหมายลักษณะอากาศ ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตลอดช่วง ส่วนในช่วงวันที่ 10-12 มีนาคม 2562 บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและมีลูกเห็บตกบางแห่ง
ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 8 – 9 มี.ค. 62 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เว้นแต่ภาคเหนือเป็นลมตะวันตก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองได้บางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 10 - 12 มีนาคม 2562 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศร้อน ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกเกิดขึ้นบางพื้นที่ โดยจะเริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆจะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป สำหรับภาคใต้มีลมตะวันออกพัดปกคลุมตลอดช่วง ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง
คำเตือน ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากมีอากาศร้อนขึ้น โดยหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในตอนกลางวันตลอดช่วง ส่วนในช่วงวันที่ 10-12 มี.ค. 62 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกที่จะเกิดขึ้น และควรอยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรระมัดระวัง และป้องกันความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
คำแนะนำสำหรับการเกษตร
ภาคเหนือ
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
มีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน ตลอดช่วง ส่วนในช่วงวันที่ 11 - 12 มี.ค. 62 อากาศร้อนในตอนกลางวัน มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 17-25 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 35-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว10-15 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 55-65 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ระยะนี้จะมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยในช่วงวันที่ 11-12 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว นอกจากนี้ควรให้น้ำแก่พืชตามความเหมาะสม
- ในช่วงฤดูร้อนปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อยเกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด และควรวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
- ระยะนี้จะมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยในช่วงวันที่11-12 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว นอกจากนี้ควรให้น้ำแก่พืชตามความเหมาะสม
- ในช่วงฤดูร้อนปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อยเกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด และควรวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ระยะนี้จะมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยในช่วงวันที่ 10-12 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว นอกจากนี้ควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำและรักษาความชื้นภายในดิน
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยง ควรดูแลสภาพน้ำให้เหมาะสมกับชนิดของสัตว์น้ำที่เลี้ยง และดูแลจำนวนสัตว์น้ำให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำที่มีอยู่ หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอยู่อย่างแออัด ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคกลาง
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ตลอดช่วง ส่วนในช่วงวันที่ 11 - 12 มี.ค. 62 อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ความเร็ว 10-15 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ระยะนี้จะมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยในช่วงวันที่ 11-12 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่งเกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
- เกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทานควรปลูกพืชที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย รวมทั้งให้น้ำแก่พืชตามความเหมาะสม
- เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนในตอนกลางวัน เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ควรเพิ่มปริมาณน้ำกินให้กับสัตว์เลี้ยง และลดอุณหภูมิภายในโรงเรือน
ภาคตะวันออก
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ส่วนในช่วงวันที่ 11 - 12 มี.ค. 62 มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ10-20 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรง อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์70-80 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ระยะนี้จะมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยในช่วงวันที่ 11-12 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่งเกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
- เกษตรกรที่ปลูกลองกองควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืช เช่น เพลี้ยแป้งและเพลี้ยอ่อน เป็นต้น
ภาคใต้
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ฝั่งตะวันออก มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตรบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 13 - 14 มี.ค. 62 ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
ฝั่งตะวันตก มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ในช่วงนี้จะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชทำให้พืชชะงัก การเจริญเติบโตผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ
- ในช่วงที่มีฝนตกน้อยและไม่พอเพียงกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชตามความเหมาะสมและควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืช
- เกษตรกรที่ปลูกกาแฟควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืช เช่น หนอนเจาะกิ่งและหนอนเจาะลำต้นเป็นต้น
ปริมาณฝนสะสมเดือนมีนาคม (ช่วงวันที่ 1-7 มี.ค.) ประเทศไทยมีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 50 มม. เว้นแต่บริเวณจังหวัดตราด ที่มีฝนสะสม 50 – 100 มม. และฝนส่วนใหญ่อยู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนล่าง
ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา ประเทศไทยมีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 50 มม. เว้นแต่บริเวณจังหวัดตราด ที่มีฝนสะสม50 – 100 มม. และฝนส่วนใหญ่อยู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนล่าง
ศักย์การคายระเหยน้ำสะสม ประเทศไทยส่วนใหญ่มีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 25-35 มม. เว้นแต่บริเวณภาคกลางด้านตะวันตก และภาคใต้ตอนล่าง ที่มีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 35-40 มม.
สมดุลน้ำ ประเทศไทยมีค่าสมดุลน้ำเป็นลบเป็นส่วนใหญ่ คือ (-20) - (-40) มม. เว้นแต่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและภาคตะวันออกบริเวณจังหวัดจันทบุรีและตราด มีค่าสมดุลน้ำเป็นบวก คือ 1-40 มม.
คำแนะนำ ช่วงที่ผ่านมาบริเวณประเทศไทยมีค่าสมดุลน้ำเป็นลบเป็นส่วนใหญ่ สำหรับในช่วง 7 วันข้างหน้า บริเวณประเทศไทยจะมีฝนน้อย เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอและควรใช้น้ำอย่างประหยัด รวมทั้งวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง สำหรับสภาพอากาศที่ร้อนและมีแดดจัดในตอนกลางวัน เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งเป็นเวลานาน หากต้องทำงานกลางแจ้งหรือบริเวณที่มีอากาศร้อนเป็นเวลานานควรสวมเสื้อผ้าให้มิดชิดเพื่อป้องกันผิวไหม้ และควรดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74