พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 18 - 24 มีนาคม พ.ศ. 2562

ข่าวทั่วไป Monday March 18, 2019 15:28 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 18 - 24 มีนาคม พ.ศ. 2562

ออกประกาศวันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2562

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 33/62

การคาดหมายลักษณะอากาศ บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวันตลอดช่วง ส่วนในช่วงวันที่ 18 – 19 และ23 - 24 มีนาคม 2562 บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนบนและภาคตะวันออก จะมีพายุฤดูร้อน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบนตลอดช่วง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนโดยทั่วไป ส่วนในช่วงวันที่ 18 - 19 มีนาคม 2562 มีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณภาคเหนือ ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนบนและภาคตะวันออก จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น สำหรับในช่วงวันที่ 23 - 24 มีนาคม 2562 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมบริเวณดังกล่าว ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นได้

คำเตือน ในช่วงวันที่ 18 - 19 และ 23 - 24 มี.ค. 62 บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกได้ในบางพื้นที่ เกษตรกรควรระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง โดยควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ขณะที่มีลมแรง

คำแนะนำสำหรับการเกษตร

ภาคเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

อากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวันตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียสส่วนในช่วงวันที่ 18-19 และ 23–24 มี.ค.62 มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 17-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียสลมตะวันตก ความเร็ว 10-15 กม./ชม.

ความชื้นสัมพัทธ์ 55-65 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ในช่วงวันที่ 18-19 และ 23-24 มี.ค. จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับอาคารบ้านเรือนและพืชผลทางการเกษตร
  • สำหรับสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก รวมทั้งจัดหาน้ำให้แก่สัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เครียดและเจ็บป่วย
  • สำหรับเกษตรกรที่ต้องการที่จะเตรียมพื้นที่ในการเพราะปลูกรอบใหม่ ควรหลีกเลี่ยงวิธีการเผาตอซังข้าวซังข้าวโพด และวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพราะอาจลุกลามทำให้เกิดอัคคีภัยได้ และควันไฟจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และทำให้การมองเห็นลดลง ซึ่งจะเป็นอุปสรรค์ต่อการใช้รถใช้ถนน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

อากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาคตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-40 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 18-19 และ 23–24 มี.ค.62 มีอากาศร้อนในตอนกลางวันโดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ความเร็ว 10-15 กม./ชม.

ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ในช่วงวันที่ 18-19 มี.ค. และ 23-24 มี.ค. จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่งเกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับอาคารบ้านเรือนและพืชผลทางการเกษตร
  • ระยะนี้จะมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกรวมทั้งจัดหาน้ำให้แก่สัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เครียดและเจ็บป่วย
  • สำหรับเกษตรกรที่ต้องการที่จะเตรียมพื้นที่ในการเพราะปลูกรอบใหม่ ควรหลีกเลี่ยงวิธีการเผาตอซังข้าวซังข้าวโพด และวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพราะอาจลุกลามทำให้เกิดอัคคีภัยได้ และควันไฟจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และทำให้การมองเห็นลดลง ซึ่งจะเป็นอุปสรรค์ต่อการใช้รถใช้ถนน

ภาคกลาง

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

อากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวันตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียสส่วนในช่วงวันที่ 18-19 และ 23–24 มี.ค.62 มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ความเร็ว 10-15 กม./ชม

ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ทำให้น้ำระเหยออกจากแหล่งน้ำมาก เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลปริมาณสัตว์น้ำให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำ เพื่อไม่ให้สัตว์น้ำอยู่อย่างแออัด จนทำให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • จากภาวะอากาศร้อนและลมแรงในระยะนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก โรงเรือนเลี้ยงสัตว์ โรงเก็บพืชผลทางด้านการเกษตร และอาคารบ้านเรือน

ภาคตะวันออก

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

อากาศร้อนในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ตลอดช่วง ส่วนในช่วงวันที่ 18-19 และ 23–24 มี.ค.62 มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ในช่วงวันที่ 18-19 มี.ค. และ 23-24 มี.ค. จะมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล ผลอาจร่วงหล่น เนื่องจากลมกระโชกแรง
  • สำหรับฝนที่ตกในช่วงนี้มีปริมาณน้อย และไม่เพียงพอกับความต้องการของไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผลเกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอและเหมาะสม เพื่อป้องกันผลแคระแกร็นและร่วงหล่น รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืช จำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไร ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากต้นพืช ทำให้ต้นทรุดโทรมและตายได้

ภาคใต้

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ฝั่งตะวันออก อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

ฝั่งตะวันตก อากาศร้อนในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ในช่วงที่มีฝนตกน้อยและไม่พอเพียงกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชตามความเหมาะสมและควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำและเป็นการรักษาความชื้นภายในดิน
  • เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งในตอนกลางวันเกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไร ต่างๆ ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากต้นพืช ทำให้ต้นทรุดโทรม
รายงานสถานการณ์สมดุลน้ำใน 7 วันที่ผ่านมา และการคาดการณ์ผลกระทบต่อการเกษตร ในช่วงวันที่ 18-24 มีนาคม 2562

ปริมาณฝนสะสมเดือนมีนาคม (ช่วงวันที่ 1-17 มีนาคม 2562) ประเทศไทยมีปริมาณฝนสะสมต่ำ 100 มม. โดยฝนส่วนใหญ่อยู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนล่าง

ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา ประเทศไทยมีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 100 มม. โดยฝนส่วนใหญ่อยู่บริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนล่าง

ศักย์การคายระเหยน้ำสะสม ประเทศไทยส่วนมากมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 30-40 มม. เว้นแต่บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกฉียงเหนือตอนล่างด้านตะวันออกที่มีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 25-30 มม.

สมดุลน้ำ ประเทศไทยมีค่าสมดุลน้ำเป็น ลบ คือ (-20)-(-40) มม. เป็นส่วนใหญ่ เว้นแต่ในบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกตอนล่างที่มีค่าสมดุลน้ำเป็นบวก คือ 1-20 มม.

คำแนะนำ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยฝนส่วนมากอยู่บริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนล่างสำหรับในช่วง 7 วันข้างหน้า บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในบางพื้นที่ เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน หากมีความจำเป็นควรสวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด และดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อป้องกันโรคลมแดด อนึ่ง ในช่วงวันที่18-19 และ 23-24 มี.ค. จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกได้ในบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตรไว้ด้วย สำหรับภาคใต้ยังคงมีฝนน้อย เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอและควรใช้น้ำอย่างประหยัด รวมทั้งวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ