พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ระหว่างวันที่ 17 - 23 เมษายน พ.ศ. 2562
ออกประกาศวันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2562
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 46/62
การคาดหมายลักษณะอากาศ ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ตลอดช่วง ในช่วงวันที่ 18-21 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ส่วนในช่วงวันที่ 22-23 เม.ย. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกจะมีฝนเพิ่มขึ้น
ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 17-23 เม.ย. ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทย ทำให้ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 22-23 เม.ย. ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีฝนเพิ่มขึ้น
คำเตือน ระยะนี้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
คำแนะนำสำหรับการเกษตร
ภาคเหนือ
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
มีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไปตลอดช่วง โดยมีฝนฟ้าคะนองเล็กน้อยบางพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ตอนบนของภาค ลมตะวันตก ความเร็ว 10-15 กม./ชม. ตอนล่างของภาค ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 20-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38-43 องศาเซลเซียส
ความชื้นสัมพัทธ์ 50-60 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ระยะนี้จะมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฝนฟ้าคะนอง บางพื้นที่ เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมตามความเหมาะสมและวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ
- เกษตรกรที่ปลูกลำไยควรระวังและป้องกันการระบาด ของศัตรูพืช เช่น หนอนเจาะขั้วผลและมวนลำไย เป็นต้น
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ในช่วงวันที่ 18-21 เม.ย. อากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
ส่วนในช่วงวันที่ 22-23 เม.ย. อากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-42 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ระยะนี้จะมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงบางพื้นที่ เกษตรกรควรผูกยึดค้ำยันกิ่งไม้ผลให้มั่นคงแข็งแรง รวมทั้งให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมตามความเหมาะสม
- เกษตรกรที่ปลูกมันสำปะหลังควรระวังและป้องกัน การระบาดของศัตรูพืช เช่น แมลงนูนหลวงและเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง เป็นต้น
ภาคกลาง
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
อากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 24-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-42 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.
ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ระยะนี้จะมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงบางพื้นที่ เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมตามความเหมาะสมและวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ สำหรับเกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทานควรปลูกพืชที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย
- เกษตรกรที่ปลูกส้มโอควรระวังและป้องกันการระบาด ของศัตรูพืช เช่น เพลี้ยไฟ เพลี้ยหอย และไรแดง เป็นต้น
ภาคตะวันออก
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ในช่วงวันที่ 18-21 เม.ย. อากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 22-23 เม.ย. อากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณ ที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร
ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ระยะนี้จะมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ เกษตรกรควรผูกยึดค้ำยันกิ่งไม้ผลให้มั่นคงแข็งแรง รวมทั้งควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายได้สะดวกเพื่อลดอุณหภูมิสะสม
- เกษตรกรที่ปลูกเงาะควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืช เช่น เพลี้ยแป้งและหนอนเจาะขั้วผล เป็นต้น
ภาคใต้
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ตลอดช่วง เกษตรกร ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ
- ในช่วงที่มีฝนตกน้อยและไม่พอเพียงกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชตามความเหมาะสม และควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืช ด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำและเป็นการรักษาความชื้นภายในดิน
- เกษตรกรที่ปลูกทุเรียนควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืช เช่น หนอนเจาะผลและหนอนเจาะ ลำต้นทุเรียน เป็นต้น
ปริมาณฝนสะสมเดือนเมษายน (ในช่วงวันที่ 1-16 เมษายน) บริเวณประเทศไทยมีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 50 มม. เว้นแต่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกตอนล่าง มีปริมาณฝนสะสมสูงสุด 50-100 มม.
ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา บริเวณประเทศไทยมีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 25 มม. เว้นแต่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้านตะวันออก และภาคใต้ตอนล่าง มีปริมาณฝนสะสมสูงสุด 25-50 มม.
ศักย์การคายระเหยน้ำสะสม บริเวณประเทศไทยส่วนมากมีค่าศักดิ์การคายระเหยน้ำสะสม 30-50 มม. โดยภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลางตอนบนมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสมมากกว่าบริเวณอื่นๆ
สมดุลน้ำ บริเวณประเทศไทยส่วนมากมีค่าสมดุลน้ำ (-1)-(-50) มม. เว้นแต่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณจังหวัดสุรินทร์ และภาคใต้ฝั่งตะวันตกบริเวณจังหวัดพังงามีค่าสมดุลน้ำ 10-20 มม.
คำแนะนำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดและมีรายงานฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง สำหรับในช่วง 7 วันข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ และจะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว สำหรับผู้เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้โปร่ง อากาศถ่ายเท ได้สะดวก เพื่อลดอุณหภูมิภายในโรงเรือน สำหรับภาคใต้จะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งตลอดช่วง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74