ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 22 กุมภาพันธ์ 2551 - 28 กุมภาพันธ์ 2551
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 22-26 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้ากับมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส อากาศหนาวทางตอนบนของภาค ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด ในช่วงวันที่ 27-28 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา สำหรับผู้ที่ปลูกผักในระยะนี้ เกษตรกรควรดูแลให้น้ำอย่างเพียงพอ รวมทั้งควรนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรคลุมแปลงปลูกเพื่อรักษาความชื้นในดิน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 22-26 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้ากับมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส อากาศหนาวทางตอนบนของภาค ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว ในช่วงวันที่ 27-28 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆส่วนมากทางตอนบนของภาคและมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตไว้กลางแจ้ง เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายจากฝนที่ตกได้ ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะผลอ่อน ชาวสวนควรดูแลให้น้ำอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ผลร่วงหล่น ผลผลิตลดลง
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 22-26 ก.พ.มีหมอกในตอนเช้า กับมีหมอกหนาในบางพื้นที่ และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็น หลังจากนั้นหมอกจะลดน้อยลง และมีปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้น ระยะนี้แม้จะมีฝนแต่ปริมาณน้อย ดังนั้นไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอก เกษตรกรจึงควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันดอกร่วงหล่น นอกจากนี้ ควรระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกปากดูดชนิดต่างๆ
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 23-25 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้ากับมีหมอกหนาในบางพื้นที่ และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็น หลังจากนั้นหมอกจะลดน้อยลงและมีปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้น เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพเพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง สำหรับพืชไร่ที่อยู่ในระยะออกดอก เกษตรกรควรดูแลให้น้ำอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำในระยะนี้จะทำให้ดอกร่วงหล่น ผลผลิตลดลง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 22-23 และ 26-28 ก.พ.มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ และในช่วงวันที่ 24-25 ก.พ.มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอก เกษตรกรควรให้น้ำอย่างเพียงพอเพราะหากขาดน้ำจะทำให้ดอกร่วงหล่นการติดผลลดลง สำหรับบริเวณที่มีฝนตกเกษตรกรควรเก็บน้ำเอาไว้ใช้ในระยะต่อไป อนึ่ง ในช่วงวันที่ 24-25 ก.พ. จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำจากทะเลจีนใต้ตอนล่างเคลื่อนผ่านภาคใต้ตอนล่าง ทำให้ภาคใต้มีปริมาณฝนเพิ่มขึ้น สำหรับผู้ที่ทำประมงชายฝั่งควรระมัดระวังความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากสภาวะดังกล่าว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74
-สส-