พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ระหว่างวันที่ 18-24 มีนาคม พ.ศ.2563
ออกประกาศวันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2563
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกจิและสังคม ฉบับที่ 34/63
การคาดหมายลักษณะอากาศในช่วงวันที่ 18-19 มี.ค. 63 บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนโดยทั่วไปและมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก สำหรับภาคใต้มีฝนน้อย ส่วนในช่วงวันที่ 20-24 มี.ค. 63 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง สำหรับภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น
คำเตือนช่วงวันที่ 20-24 มี.ค. 63 บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าวไว้ด้วย
คำแนะนำสำหรับการเกษตร
ภาคเหนือ
การคาดหมายลักษณะอากาศในช่วงวันที่ 18-19 มี.ค. 63 บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนโดยทั่วไปและมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก สำหรับภาคใต้มีฝนน้อย ส่วนในช่วงวันที่ 20-24 มี.ค. 63 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง สำหรับภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น คำเตือนช่วงวันที่ 20-24 มี.ค. 63 บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าวไว้ด้วย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อากาศร้อนโดยทั่วไป
โดยในช่วงวันที่ 18-19 มี.ค. 63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 20-24 มี.ค. 63 มีพายุฝนฟ้าคะนองบางแห่งร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 % - มีแดดจัดและอากาศร้อนในตอนกลางวัน เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน อนึ่ง ในช่วงวันที่ 20-24 มี.ค. จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าวไว้ด้วย
ภาคกลาง
อากาศร้อนโดยทั่วไปและมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยในช่วงวันที่ 18-19 มี.ค. 63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 20-24 มี.ค. 63 มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39-41 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %
- มีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน เกษตรกรที่ต้องเตรียมพื้นที่เพาะปลูกรอบใหม่ ควรหลีกเลี่ยงวิธีการเผาตอซังข้าว ซังข้าวโพด และวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร แต่ควรใช้วิธีไถกลบแทน และควรหลีกเลี่ยงการทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานาน สวมเสื้อผ้าให้มิดชิด และดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ อนึ่ง ในช่วงวันที่ 20-24 มี.ค. จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าวไว้ด้วย
ภาคตะวันออก
อากาศร้อนโดยทั่วไปและมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยในช่วงวันที่ 18-19 มี.ค. 63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 20-24 มี.ค. 63 มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
- มีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน ทำให้ปริมาณการระเหยของน้ำบริเวณผิวดินมีมาก เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดินและเป็นการรักษาความชื้นภายในดิน รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ในพืชไร่และไม้ผลไว้ด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 20-24 มี.ค. จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าวไว้ด้วย สำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงควรดูแลสภาพน้ำในบ่อเลี้ยง โดยเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อป้องกันน้ำแยกชั้นและเป็นการเพิ่มออกชิเจนให้กับน้ำ
ภาคใต้
อากาศร้อนโดยทั่วไปและมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยในช่วงวันที่ 18-19 มี.ค. 63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 20-24 มี.ค. 63 มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
- มีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน ทำให้ปริมาณการระเหยของน้ำบริเวณผิวดินมีมาก เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดินและเป็นการรักษาความชื้นภายในดิน รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ในพืชไร่และไม้ผลไว้ด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 20-24 มี.ค. จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าวไว้ด้วย สำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงควรดูแลสภาพน้ำในบ่อเลี้ยง โดยเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อป้องกันน้ำแยกชั้นและเป็นการเพิ่มออกชิเจนให้กับน้ำ
ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา