พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 18 - 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2563

ข่าวทั่วไป Wednesday November 18, 2020 11:00 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 18 - 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2563

ออกประกาศวันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ.2563

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 139/63

การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 18-20 พ.ย. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมประเทศ/ ไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า ในขณะที่มีคลื่นกระแสลมตะวันออกเคลื่อนเข้าปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 21-24 พ.ย. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเกิดขึ้นในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง

คำเตือนในช่วงวันที่ 21-24 พ.ย. ขอให้เกษตรกรบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย สำหรับภาคใต้ให้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย

คำแนะนำสำหรับการเกษตร

ภาคเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์

ในช่วงวันที่ 18-24 พ.ย. 63 อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยในช่วงวันที่ 22-23 พ.ย. 63 จะมีฝนเล็กน้อยบางแห่งทางตอนล่างของภาค หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-15 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %

  • อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย สำหรับผลผลิตการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว เกษตรกรไม่ควรตากบนพื้นผิวจราจร หรือตากทิ้งข้ามคืน เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุ และผลผลิตเปียกชื้นเสียหายได้

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์

ในช่วงวันที่ 18-24 พ.ย. 63 อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยในช่วงวันที่ 21-22 พ.ย. 63 มีฝนร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 18-21 พ.ย. 63 อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 22-24 พ.ย. 63 อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียสบริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %

  • อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย สำหรับผลผลิตการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว เกษตรกรไม่ควรตากบนพื้นผิวจราจร หรือตากทิ้งข้ามคืน เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุ และผลผลิตอาจเปียกชื้นเสียหายจากหมอกและน้ำค้างได้

ภาคกลาง

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์

ในช่วงวันที่ 18-24 พ.ย. 63 อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนบางแห่งในช่วงวันที่ 21-23 พ.ย. 63 อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-15 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %

  • อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และมีฝนบางพื้นที่ ผลผลิตการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว เกษตรกรไม่ควรตากบนพื้นผิวจราจร หรือตากทิ้งข้ามคืน เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้ นอกจากนี้พื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน ควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางการเกษตรในช่วงแล้ง

ภาคตะวันออก

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์

ในช่วงวันที่ 18-24 พ.ย. 63 อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนบางแห่งในช่วงวันที่ 20-23 พ.ย. 63 อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %

  • อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และมีฝนบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผักต่างๆ ไว้ด้วย สำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำ ควรลดปริมาณอาหารลง เนื่องจากอากาศที่เย็นจะทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อยลง เพื่อเป็นการป้องกันเศษอาหารที่เหลือ ทำให้น้ำเน่าเสีย

ภาคใต้

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์

ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 18-20 พ.ย. 63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 21-24 พ.ย. 63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %

ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 18-20 พ.ย. 63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 21-24 พ.ย. 63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %

  • มีฝนตกต่อเนืองและมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผักต่างๆ โดยเฉพาะโรครากเน่าโคนเน่าในไม้ผล โรคหน้ากรีดยางและโรคราเส้นดำในยางพารา เป็นต้น
ลักษณะอากาศในรอบ 7 วันที่ผ่านมา

ระหว่างวันที่ 11-17 พฤศจิกายน 2563 บริเวณภาคใต้มีรายงานฝนตกหนักมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส ส่วนบริเวณจังหวัดที่มีฝนตกหนัก ได้แก่ พัทลุง ยะลา กระบี่ และตรัง โดยวัดปริมาณฝนสูงสุด ได้ 143.4 มิลลิเมตร ที่อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2563

ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ