พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ระหว่างวันที่ 4 - 10 ธันวาคม พ.ศ. 2563
ออกประกาศวันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2563
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 146/63
การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 4-7 ธ.ค. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และจะมีลมตะวันตกพัดพาความหนาวเย็นจากประเทศเมียนมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นลงกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยและยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 8-10 ธ.ค. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่แผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง และคลื่นลมมีกำลัง อ่อนลง คำเตือน ในช่วงนี้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย สำหรับในช่วงวันที่ 4-7 ธ.ค. บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
คำแนะนำสำหรับการเกษตร
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 4-6 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 10-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 3-10 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 7-10 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 6-14 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %
- ระยะนี้จะมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคแอนแทรคโนสในสตรอว์เบอร์รี นอกจากนี้ควรวางแผนการใช้น้ำทางด้านการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 4-6 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 11-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-30 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 7-10 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %
- ในช่วงนี้จะมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง เกษตรกรควรทำแผงกำบังลมหนาวและเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนให้แก่สัตว์เลี้ยงเพื่อไม่ให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย นอกจากนี้ควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมตามความเหมาะสม
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 4-6 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 3 และ 7-9 ธ.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %
- ระยะนี้จะมีอากาศเย็นและมีลมแรง เกษตรกรควรระวังและป้องกันหนอนชอนใบระยะแตกใบอ่อนในส้มโอ นอกจากนี้ควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อลดการระเหยของน้ำ
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 4-6 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 3 และ 7-9 ธ.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %
- ในช่วงนี้จะมีอากาศเย็นและมีลมแรง ในช่วงที่มีอากาศเย็นสัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อยเกษตรกรควรให้ปริมาณอาหาร แก่สัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ควรกำจัดวัชพืช ดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก และเก็บเศษซากพืชต่างๆ แล้วนำไปกำจัด เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งอาศัยหรือหลบซ่อนของสัตว์มีพิษ
ภาคใต้
ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 4-7 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 8-10 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %
ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 4-7 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 8-10 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %
- ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมขัง หากระดับน้ำลดลงแล้ว เกษตรกรควรฟื้นฟูสภาพสวนและแหล่งน้ำให้ใช้ได้ดีดังเดิม นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก
ระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม 2563 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้เกือบตลอดช่วง ลักษณะดังกล่าวทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นทั่วไปกับมีอากาศหนาวบางพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคใต้ได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ตลอดช่วง กับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศมาเลเซียในวันแรกของช่วง อีกทั้งหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างได้เคลื่อนเข้าปกคลุมภาคใต้ตอนล่างและประเทศมาเลเซียในระยะครึ่งหลังของช่วง ทำให้มีฝนหนาแน่นเกือบตลอดช่วงตั้งแต่บริเวณจังหวัดชุมพรลงไป
ภาคเหนือ มีอากาศเย็นทั่วไปเกือบตลอดช่วง กับมีอากาศหนาวบางพื้นที่ทางตอนบนของภาคส่วนมากในระยะครึ่งหลังของช่วง สำหรับบริเวณเทือกเขาและยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด โดยมีฝนเล็กน้อยบางพื้นที่ของจังหวัดพิษณุโลกในวันที่ 2 ธ.ค. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศเย็นทั่วไปตลอดช่วง กับมีอากาศหนาวบริเวณบางพื้นที่ของจังหวัดนครพนมในวันที่ 30 พ.ย. และ 3 ธ.ค. สำหรับบริเวณเทือกเขาและยอดภูมีอากาศหนาว โดยมีฝนเล็กน้อยบางพื้นที่ทางตอนล่างของภาคในวันที่ 28, 30 พ.ย. และ 1 ธ.ค. ภาคกลาง มีอากาศเย็นหลายพื้นที่เกือบตลอดช่วง ภาคตะวันออก มีอากาศเย็นบางพื้นที่ โดยมีฝนร้อยละ 5 ของพื้นที่ในวันที่ 29-30 พ.ย. ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนร้อยละ 50-80 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักหลายพื้นที่กับมีฝนหนักมากบางแห่งในบริเวณตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป และมีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดพัทลุง ยะลาและนราธิวาสในวันที่ 27 พ.ย. บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราชและสงขลาในวันที่ 27 พ.ย.-3 ธ.ค. บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานีและปัตตานีในวันที่ 30 พ.ย.-3 ธ.ค. ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนมากกว่า ร้อยละ 75 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 29 พ.ย. มีฝนร้อยละ 25 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดช่วงกับมีฝนหนักมาก บางพื้นที่ในวันที่ 1-2 ธ.ค. โดยมีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดตรังในวันที่ 27 พ.ย. และ 1-3 ธ.ค. บริเวณจังหวัดสตูลในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค. และบริเวณจังหวัดกระบี่ในวันที่ 3 ธ.ค.
ช่วงที่ผ่านมามีฝนตกหนักมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี นราธิวาส และตรัง ส่วนจังหวัดที่มีฝนตกหนักได้แก่ ยะลา ระนอง และสตูล ปริมาณฝนสูงสุดวัดได้ 325.0 มิลลิเมตร ที่อำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2563
ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา