พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ระหว่างวันที่ 20 - 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2565
ออกประกาศวันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2565
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 60/2565
การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 20 - 24 พ.ค. 65 ร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับในช่วงวันที่ 20 - 23 พ.ค. 65 หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมอ่าวมะตะบันตอนบนจะเคลื่อนผ่านประเทศเมียนมา เข้าสู่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 25 - 26 พ.ค. 65 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลงทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง โดยบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
คำเตือน ในช่วงนี้บริเวณประเทศไทยจะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เกษตรกรบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก สำหรับในช่วงวันที่ 20-24 พ.ค. ทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
คำแนะนำสำหรับการเกษตร
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 20 - 23 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-34 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 24 - 26 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-90 % ความยาวนานแสงแดด 3-6 ชม.
- ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก รวมทั้งทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรป้องกันน้ำท่วมขังและผูกยึดค้ำยังกิ่งของไม้ผลให้มั่นคงจากลมแรง สำหรับฝนที่ตกติดต่อกันในช่วงนี้จะทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 20 - 24 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรง ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 25 - 26 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-34 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-90 % ความยาวนานแสงแดด 3-6 ชม.
- ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก รวมทั้งทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรป้องกันน้ำท่วมขัง นอกจากนี้เกษตรกรควรซ่อมแซมหลังคาโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้มีรอยรั่วซึมและทำแผงกำบังฝนสาดให้แก่สัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย และไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะเป็นเวลานาน เพราะอาจเป็นโรคปากและเท้าเปื่อยในสัตว์กีบ
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 20 - 24 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 25 - 26 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-90 % ความยาวนานแสงแดด 3-6 ชม.
- ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก นอกจากนี้ควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรเพื่อป้องกันน้ำท่วมขังและผูกยึดค้ำยังกิ่งของไม้ผลให้มั่นคงจากลมแรง สำหรับในช่วงนี้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 20 - 24 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งกับมีลมแรงในช่วงวันที่ 25 - 26 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 % ความยาวนานแสงแดด 4-7 ชม.
- ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยเกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก นอกจากนี้ควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรเพื่อป้องกันน้ำท่วมขังและผูกยึดค้ำยังกิ่งของ ไม้ผลให้มั่นคงจากลมแรง ส่วนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อโดยตรง เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย หลังจากฝนตกควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อป้องกันน้ำแยกชั้นและเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ นอกจากนี้ชาวสวนผลไม้ควรดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวกเพื่อลดความชื้นสะสมป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
ภาคใต้
ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 20 - 24 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับฝนตกหนักบางแห่งทางตอนบนของภาค ตั้งแต่ จ.สุราษฎร์ธานีขึ้นมา: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราชลงไป: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ในช่วงวันที่ 25 - 26 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90 % ความยาวนานแสงแดด 4-6 ชม.
ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่งทางตอนบนของภาค ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 21 - 22 พ.ค. มีฝนตกหนักมากบางพื้นที่กับมีลมแรง ในช่วงวันที่ 20 - 24 พ.ค. ตั้งแต่ จ.พังงา ขึ้นมา: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ตั้งแต่ จ.ภูเก็ต ลงไป: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ในช่วงวันที่ 25 - 26 พ.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90 %
- ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยเกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก สำหรับในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรครากเน่าโคนเน่าในไม้ผล โรคใบติดในทุเรียน โรครากขาวและโรคหน้ากรีดยางในยางพารา โรคราสีชมพูในไม้ผลและยางพารา เป็นต้น ส่วนเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตก บนดินไหลลงบ่อโดยตรง เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยนสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย หลังจากฝนตกควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อป้องกันน้ำแยกชั้นและเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ อนึ่ง ในช่วงวันที่ 20-24 พ.ค. บริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
ระหว่างวันที่ 13 - 19 พฤษภาคม 2565 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลางในระยะกลางช่วงต่อจากนั้นมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ยในระยะครึ่งแรกของช่วง และมีบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือในระหว่างวันที่ 15-18 พ.ค.
นอกจากนี้หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเมียนมาและอ่าวมะตะบันตอนบนในวันสุดท้ายของช่วง ลักษณะดังกล่าวทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนหนาแน่นเกือบตลอดช่วง โดยเฉพาะในระยะกลางและปลายช่วง
ภาคเหนือ มีฝนร้อยละ 25-55 ของพื้นที่ในระยะครึ่งแรกของช่วง จากนั้นมีฝนร้อยละ 70-85 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดช่วง และมีฝนหนักมากบางแห่งในวันที่ 16-17 พ.ค. นอกจากนี้มีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดแพร่ ลำปาง น่าน อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร และพะเยาในวันที่ 17 พ.ค. จังหวัดพิษณุโลกและเชียงใหม่ในวันที่ 18 พ.ค. จังหวัดตากในวันที่ 19 พ.ค. และมีรายงานลมกระโชกแรงบริเวณจังหวัดเชียงราย กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และพะเยาในวันที่ 15 พ.ค. และจังหวัดสุโขทัยในวันที่ 16 พ.ค. กับมีรายงานดินถล่มบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 18 พ.ค. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนร้อยละ 60-90 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 17-18 พ.ค. มีฝนร้อยละ 20-55 ของพื้นที่ กับมีฝนหนักบางแห่งตลอดช่วง และมีฝนหนักมากบางแห่งในวันที่ 15, 17 และ 19 พ.ค. นอกจากนี้มีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดนครราชสีมาในวันที่ 16 พ.ค. และมีรายงานลมกระโชกแรงบริเวณจังหวัดหนองคาย อำนาจเจริญ และอุบลราชธานีในวันที่ 14 พ.ค. จังหวัดชัยภูมิในวันที่ 14-15 พ.ค. จังหวัดขอนแก่นและสุรินทร์ในวันที่ 15 พ.ค. ภาคกลาง มีฝนร้อยละ 5-30 ของพื้นที่ในระยะครึ่งแรกของช่วง จากนั้นมีฝนเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 75 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่งในระยะครึ่งหลังของช่วง นอกจากนี้มีรายงานน้ำท่วมบริเวณ
จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในวันที่ 17 พ.ค. ภาคตะวันออก มีร้อยละ 10-60 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 17-18 พ.ค. มีฝนมากกว่าร้อยละ 85 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่งในวันที่ 15, 16 และ 18 พ.ค. นอกจากนี้มีรายงานลมกระโชกแรงบริเวณจังหวัดตราดและนครนายกในวันที่ 16 พ.ค. ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนร้อยละ 35-75 ของพื้นที่ กับมีฝนหนักบางแห่งตลอดช่วง และมีฝนหนักมากบางแห่งในวันที่ 15 พ.ค. นอกจากนี้มีรายงานลมกระโชกแรงบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราชในวันที่ 18 พ.ค. ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนมากกว่าร้อยละ 65 ของพื้นที่เกือบตลอดช่วง กับมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดช่วง และมีฝนหนักมากบางแห่งในวันที่ 15 พ.ค.
ช่วงที่ผ่านมามีฝนตกหนักมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร อุดรธานี กาฬสินธุ์ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยนาท ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา กรุงเทพมหานคร สระแก้ว จันทบุรี นราธิวาส และระนอง ส่วนจังหวัดที่มีฝนตกหนัก ได้แก่ เชียงราย พะเยา ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน ตาก พิจิตร หนองคาย สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ขอนแก่น ชัยภูมิ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร นครสวรรค์ อุทัยธานี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง ปทุมธานี นนทบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรปราการ นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง ตราด ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง
ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา