พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ระหว่างวันที่ 4 - 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2565
ออกประกาศวันจันทร์ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2565
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 79/2565 การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 4-6 ก.ค. ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านประเทศเมียนมา เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณประเทศจีนตอนใต้ ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 7-10 ก.ค. ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านประเทศเมียนมา ตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังปานกลาง ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
คำเตือน สัปดาห์นี้บริเวณประเทศไทยจะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เกษตรกรบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก และระวังน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร สำหรับในช่วงวันที่ 4-6 ก.ค. อ่าวไทยจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่ง
คำแนะนำสำหรับการเกษตร
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 4-5 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 6-10 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 % ความยาวนานแสงแดด 2-5 ชม.
- ระยะนี้จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก เช่น โรคใบจุดในพืชผักตระกูลกะหล่ำและผักกาด เป็นต้น นอกจากนี้ควรดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นสะสมป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 4-6 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 7-10 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-37 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 % ความยาวนานแสงแดด 3-6 ชม.
- ในช่วงนี้จะมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรซ่อมแซมหลังคาโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้มีรอยรั่วซึมและทำแผงกำบังฝนสาดให้แก่สัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะเป็นเวลานานเพราะอาจเป็นโรคปากและเท้าเปื่อยได้ โดยเฉพาะสัตว์เท้ากีบ เช่น โค กระบือ และสุกร เป็นต้น
ภาคกลาง
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งตลอดช่วง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 % ความยาวนานแสงแดด 4-7 ชม.
- ระยะนี้จะมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย หลังจากฝนตกควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อป้องกันน้ำแยกชั้นและเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ สำหรับในพื้นที่ซึ่งมีฝนตกไม่สม่ำเสมอควรระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน เช่น หนอนเจาะฝักและหนอนเจาะลำต้นในข้าวโพด เป็นต้น
ภาคตะวันออก
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่งตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 4-5 ก.ค. มีฝนตกหนักมากบางแห่ง สำหรับในช่วงวันที่ 4-6 ก.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 7-10 ก.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % ความยาวนานแสงแดด 2-5 ชม.
- ในช่วงนี้จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก นอกจากนี้ควรเก็บกวาดเศษซากวัสดุเหลือใช้ทางด้านการเกษตร ไม่ให้กองสุมไว้ให้เป็นแหล่งหลบซ่อนของสัตว์มีพิษ
ภาคใต้
ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ตลอดช่วง กับมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับในช่วงวันที่ 4-6 ก.ค. ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 7-10 ก.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-37 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % ความยาวนานแสงแดด 2-5 ชม.
ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ตลอดช่วง กับมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยในช่วงวันที่ 4-5 ก.ค. มีฝนตกหนักมากบางแห่ง สำหรับในช่วงวันที่ 4-6 ก.ค. ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตขึ้นมา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ตั้งแต่จังหวัดกระบี่ลงไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 7-10 ก.ค. ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตขึ้นมา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดกระบี่ลงไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %
- ระยะนี้จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เกษตรกรในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคใต้ควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะฝนตกหนัก และควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขัง สำหรับในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในไม้ผล เช่น โรครากเน่าโคนเน่าในทุเรียน เงาะ และมังคุด เป็นต้น นอกจากนี้ควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวกเพื่อลดความชื้นสะสมป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
ลักษณะอากาศในช่วง 7 วันที่ผ่านมา
ระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม 2565 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยในระยะต้นสัปดาห์ ต่อจากนั้นมีกำลังค่อนข้างแรง ประกอบกับมีลมใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกในวันแรกของสัปดาห์ อีกทั้งมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ภาคเหนือตอนบน และประเทศลาวตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวในวันที่ 1 ก.ค. จากนั้นร่องมรสุมดังกล่าวได้พาดเข้าสู่ไต้ฝุ่น "ชบา (CHABA, 2203)" และเลื่อนขึ้นไปทางเหนือมากขึ้น ลักษณะดังกล่าวทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นส่วนมากในระยะครึ่งหลังของสัปดาห์ สำหรับบริเวณภาคใต้ยังคงมีฝนตลอดสัปดาห์โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันตกของภาคมีฝนตกชุกหนาแน่นเกือบตลอดสัปดาห์ อนึ่งไต้ฝุ่น "ชบา (CHABA, 2203)" ได้ก่อตัวจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนในวันที่ 28 มิ.ย. แล้วพัฒนาตัวเป็นพายุดีเปรสชันในวันต่อมา และได้ทวีกำลังแรงขึ้นตามลำดับโดยเป็นพายุโซนร้อนเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 30 มิ.ย. และเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรงเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 1 ก.ค. จากนั้นพายุนี้ได้เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออย่างช้า ๆ พร้อมกับทวีกำลังแรงขึ้นอีก จนเป็นไต้ฝุ่นในบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 2 ก.ค. แล้วเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีนตอนใต้ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน จากนั้นได้อ่อนกำลังลงตามลำดับและสลายตัวไปในช่วงค่ำของวันที่ 3 ก.ค.
ภาคเหนือ มีฝนร้อยละ 40-55 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 30 มิ.ย. และ 1 ก.ค. มีฝนมากกว่าร้อยละ 65 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดสัปดาห์ และมีฝนหนักมากบางพื้นที่ในวันที่ 30 มิ.ย. และ 3 ก.ค. โดยมีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอนในวันที่ 29 และ 30 มิ.ย. จังหวัดพะเยาในวันที่ 30 มิ.ย. และ 1 ก.ค. จังหวัดเชียงรายและน่านในวันที่ 1 ก.ค. กับมีรายงานดินถล่มบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 30 มิ.ย. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนร้อยละ 15-25 ของพื้นที่ในระยะครึ่งแรกของสัปดาห์ จากนั้นมีฝนเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ร้อยละ 40-65 ของพื้นที่ กับมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่งในวันที่ 28, 30 มิ.ย., 1 ก.ค. และ 2 ก.ค. โดยมีรายงานลมกระโชกแรงบริเวณจังหวัดกาฬสินธุ์ในวันที่ 1 ก.ค. ภาคกลาง มีฝนร้อยละ 5-60 ของพื้นที่ กับมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดสัปดาห์ และมีฝนหนักมากบางพื้นที่ในวันแรกของสัปดาห์ โดยมีรายงานลมกระโชกแรงบริเวณจังหวัดชัยนาทในวันที่ 27 และ 29 มิ.ย. ภาคตะวันออก มีฝนร้อยละ 55-75 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 28 และ 29 มิ.ย. มีฝนร้อยละ 15-25 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดสัปดาห์ ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนร้อยละ 30-55 ของพื้นที่ เว้นแต่วันที่ 1 ก.ค. มีฝนร้อยละ 80 ของพื้นที่ กับมีฝนหนักบางแห่งในวันที่ 27, 28 มิ.ย., 1 ก.ค. และ 3 ก.ค. โดยมีรายงานลมกระโชกแรงบริเวณจังหวัดพัทลุงในวันที่ 28 มิ.ย. จังหวัดสงขลาในวันที่ 30 มิ.ย. กับมีรายงานดินถล่มบริเวณจังหวัดยะลาในวันที่ 28 และ 30 มิ.ย. ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนร้อยละ 60-90 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 27 มิ.ย. และ 2 ก.ค. มีฝนร้อยละ 25 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดสัปดาห์ และมีฝนหนักมากในวันที่ 30 มิ.ย. และ 1 ก.ค.
สัปดาห์ที่ผ่านมามีรายงานฝนตกหนักมากบริเวณจังหวัดเชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ น่าน อุดรธานี มุกดาหาร นครราชสีมา นครสวรรค์ ระนอง และพังงา ส่วนบริเวณจังหวัดที่มีฝนตกหนัก ได้แก่ พะเยา พิษณุโลก เพชรบูรณ์ หนองคาย สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ขอนแก่น สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร ราชบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี ตราด ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง ปัตตานี ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา