พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ระหว่างวันที่ 19 - 25 สิงหาคม พ.ศ. 2565
ออกประกาศวันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2565
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 99/2565
การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 20-22 ส.ค. ร่องมรสุมกำลังปานกลางเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนจะเคลื่อนเข้าสู่แนวร่องมรสุม ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังปานกลาง ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่าง ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 23-25 ส.ค. ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านบริเวณประเทศเมียนมา ประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งในบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1 - 2 เมตร คำเตือน ในช่วงวันที่ 20-22 ส.ค. บริเวณประเทศไทยจะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เกษตรกรบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก รวมทั้งระวังน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
คำแนะนำสำหรับการเกษตร
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 20-22 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 23-25 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 21-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % ความยาวนานแสงแดด 1-4 ชม.
- ระยะนี้จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชตระกูลกะหล่ำและผักกาด สำหรับในพื้นที่ซึ่งมีฝนตกไม่สม่ำเสมอควรระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 19-22 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 23-25 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % ความยาวนานแสงแดด 1-4 ชม.
- ในช่วงนี้จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เกษตรกรควรซ่อมแซมหลังคาโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้มีรอยรั่วซึมและทำแผงกำบังฝนสาดให้แก่สัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะเป็นเวลานานเพราะอาจเป็นโรคปากและเท้าเปื่อยได้ โดยเฉพาะสัตว์เท้ากีบ เช่น โค กระบือ และสุกร เป็นต้น
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 20-22 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 23-25 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 21-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % ความยาวนานแสงแดด 2-5 ชม.
- ระยะนี้จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก นอกจากนี้ควรดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นสะสมป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 20-22 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 23-25 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90 % ความยาวนานแสงแดด 1-4 ชม.
- ในช่วงนี้จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขัง สำหรับผู้เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย หลังจากฝนตกควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อป้องกันน้ำแยกชั้นและเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ นอกจากนี้ควรเก็บกวาดเศษซากวัสดุเหลือใช้ทางด้านการเกษตร ไม่ให้กองสุมไว้เป็นแหล่งหลบซ่อนของสัตว์มีพิษ
ภาคใต้
ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 19-20 และ 23-25 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 21-22 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราช ขึ้นมา: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดสงขลา ลงไป: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % ความยาวนานแสงแดด 2-5 ชม.
ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 20 และ 24-25 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 21-23 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ตั้งแต่จังหวัดพังงา ขึ้นมา: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ต ลงไป: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %
- ระยะนี้จะมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับในพื้นที่ซึ่งมีฝนตกติดต่อกันทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในไม้ผล เช่น โรครากเน่าและโคนเน่า เป็นต้น ส่วนผู้เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย หลังจากฝนตกควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อป้องกันน้ำแยกชั้นและเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ นอกจากนี้ควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวกเพื่อลดความชื้นสะสมป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
ระหว่างวันที่ 12-18 สิงหาคม 2565 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยตลอดช่วง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมตอนบนของภาคเหนือและประเทศเมียนมาในวันแรกของช่วง และมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ยในวันที่ 13 ส.ค. จากนั้นมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบนและประเทศลาวตอนบนในวันที่ 14-15 ส.ค. กับมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนในวันที่ 16 ส.ค. โดยมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศเมียนมาในวันที่ 17 ส.ค. ลักษณะดังกล่าวทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนาแน่นในวันแรกของช่วงและในระยะครึ่งหลังของช่วง กับมีรายงานน้ำท่วมในบางพื้นที่ สำหรับภาคใต้มีฝนหนาแน่นเพิ่มขึ้นในระยะครึ่งหลังของช่วง
ภาคเหนือ มีฝนมากกว่าร้อยละ 70 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 14 และ 18 ส.ค. มีฝนร้อยละ 40-55 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดช่วง และมีฝนหนักมากบางพื้นที่ในวันที่ 15 ส.ค. นอกจากนี้มีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอนและแพร่ในวันที่ 12 ส.ค. จังหวัดเชียงรายในวันที่ 12 และ 15 ส.ค. จังหวัดเพชรบูรณ์และพิษณุโลกในวันที่ 12 และ 16 ส.ค.จังหวัดลำปางในวันที่ 12, 15, 16 และ 18 ส.ค. จังหวัดพิจิตรในวันที่ 15 ส.ค. จังหวัดตากในวันที่ 16 ส.ค. และจังหวัดลำพูนในวันที่ 17 ส.ค. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนร้อยละ 60-85 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 13-14 และ 18 ส.ค. มีฝนร้อยละ 30-55 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดช่วง และมีฝนหนักมากบางพื้นที่ในวันที่ 15 และ 17 ส.ค. นอกจากนี้มีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดเลยในวันที่ 12 ส.ค. จังหวัดมหาสารคาม ชัยภูมิ และศรีสะเกษในวันที่ 15 ส.ค. จังหวัดขอนแก่นในวันที่ 15 และ 17 ส.ค. และจังหวัดอุบลราชธานีในวันที่ 17 ส.ค. ภาคกลาง มีฝนมากกว่าร้อยละ 70 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 13-14 และ 18 ส.ค. มีฝนร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดช่วง และมีฝนหนักมากบางพื้นที่ในวันที่ 15 ส.ค. นอกจากนี้มีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดนครสวรรค์และอ่างทองในวันที่ 15 ส.ค. ภาคตะวันออก มีฝนมากกว่าร้อยละ 60 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 13-14 ส.ค. มีฝนร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ กับมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดช่วง และมีฝนหนักมากบางพื้นที่ในวันที่ 15 ส.ค. นอกจากนี้มีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดปราจีนบุรีในวันที่ 14, 16 และ 18 ส.ค. และจังหวัดสระแก้วในวันที่ 15 ส.ค. ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนร้อยละ 30-50 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 16 และ 17 ส.ค. มีฝนร้อยละ 70-75 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดช่วง และมีฝนหนักมากบางพื้นที่ในวันที่ 13 ส.ค.ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนน้อยกว่าร้อยละ 25 ของพื้นที่ในระยะครึ่งแรกของช่วง จากนั้นมีฝนมากกว่าร้อยละ 75 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่งในระยะกลางและปลายสัปดาห์
ช่วงที่ผ่านมามีรายงานฝนตกหนักมากบริเวณจังหวัดพิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ ขอนแก่น นครราชสีมา ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครสวรรค์ ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นครนายก สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี นครศรีธรรมราช และระนอง
ส่วนบริเวณจังหวัดที่มีฝนตกหนัก ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย เลย หนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อำนาจเจริญ ยโสธร อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง ปทุมธานี นนทบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง ตราด พัทลุง สงขลา ปัตตานี นราธิวาส พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล
ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา