พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 18 - 24 มกราคม พ.ศ. 2566

ข่าวทั่วไป Wednesday January 18, 2023 14:34 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 18 - 24 มกราคม พ.ศ. 2566 ออกประกาศวันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2566 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 8/2566 การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 18 - 22 ม.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง โดยบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส ในขณะที่ในช่วงวันที่ 19 - 21 ม.ค. 66 ลมตะวันตกในระดับบนเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ ทำให้ภาคเหนือมีอุณหภูมิลดลง 3 - 5 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 23 - 24 ม.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางระลอกใหม่จะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวเย็นต่อเนื่อง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังค่อนข้างแรง ตลอดช่วง ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 20 - 24 ม.ค. 66 บริเวณภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2 -3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ตลอดช่วง

คำเตือน ระยะนี้บริเวณประเทศไทยตอนบนอากาศหนาวเย็น เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ สำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ควรเพิ่มความอบอุ่นแก่สัตว์เลี้ยง ส่วนในช่วงวันที่ 20 - 24 ม.ค. บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่ง ตลอดช่วง

คำแนะนำสำหรับการเกษตร ภาค พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์ เหนือ ในช่วงวันที่ 19 - 21 ม.ค. อากาศเย็นถึงหนาว ตลอดช่วง โดยอุณหภูมิจะลดลง 3 - 5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 10 - 20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26 - 32 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด กับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 2 - 10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 5 - 15 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 50 - 60 % ความยาวนานแสงแดด 8 - 9 ชม. - ระยะนี้อากาศหนาวเย็น ส่วนในช่วงวันที่ 19-21 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลงอีก 3-5 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย นอกจากนี้เกษตรกรควรสำรวจแผงกำบังลมหนาว หากชำรุดควรซ่อมแซมให้ใช้งานได้ตามปกติป้องกันลมโกรกโรงเรือน และควรเพิ่มดวงไฟในโรงเรือนเพื่อให้ความอบอุ่นแก่สัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ สำหรับบริเวณยอดดอยจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และอาจเกิดน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุสีเข้มเพื่อรักษาอุณหภูมิดิน ลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน และรักษาความชื้นภายในดิน ตะวันออก ในช่วงวันที่ 18 - 19 และ 24 ม.ค. อากาศเย็นถึงหนาว ตลอดช่วง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิเฉียงเหนือ ต่ำสุด 9 - 18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26 - 32 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5 - 12 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 18 - 19 และ 24 ม.ค. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 20 - 23 ม.ค. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 50 - 60 % ความยาวนานแสงแดด 8 - 9 ชม. - ระยะนี้อากาศหนาวเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณเทือกเขาและยอดภูจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ รวมทั้งควรสำรวจแผงกำบังลมหนาว หากชำรุดควรซ่อมแซมให้ใช้งานได้ตามปกติป้องกันลมโกรกโรงเรือน และควรเพิ่มดวงไฟในโรงเรือนเพื่อให้ความอบอุ่นแก่สัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ ส่วนสภาพอากาศที่แห้งทำให้น้ำระเหยมาก เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน และรักษาอุณหภูมิดิน กลาง อากาศเย็นในตอนเช้า ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 18 - 19 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 18 - 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 33 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 18 - 19 ม.ค. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 20 - 24 ม.ค. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 50 - 60 % ความยาวนานแสงแดด 8 - 9 ชม. - ระยะนี้อากาศเย็นในตอนเช้า เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วนัก ส่วนสภาพอากาศที่แห้งทำให้น้ำระเหยมาก เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อลดอัตราการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน และรักษาอุณหภูมิดิน ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรระวังและป้องกันความเสียหายที่เกิดจากสภาพน้ำเปลี่ยน รวมทั้งควรลดปริมาณอาหารเนื่องจากอุณหภูมิที่ลดลงทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย สัตว์น้ำที่อาศัยอยู่จะอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ตะวันออก อากาศเย็นในตอนเช้า ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 18 - 19 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 17 - 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26 - 32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 60 - 70 % ความยาวนานแสงแดด 8 - 9 ชม. - ระยะนี้อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยและควรผูกยึดและค้ำยันกิ่งและลำต้นของไม้ผลให้มั่นคงแข็งแรงเพื่อป้องกันกิ่งฉีกหักและต้นโค่นล้มเมื่อมีลมแรง ส่วนเกษตรที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย สำหรับเกษตรกรที่มีพื้นที่การเกษตรนอกเขตชลประทานควรวางแผนการใช้น้ำที่กักเก็บไว้ให้มีประสิทธิภาพ และควรกักเก็บน้ำในช่วงนี้ไว้ใช้สำหรับการเกษตรในช่วงแล้ง ใต้ ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 18 - 19 ม.ค. อากาศเย็น มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 30 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 20 - 24 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 - 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 - 40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 19 - 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75 - 85 % ความยาวนานแสงแดด 5 - 7 ชม. ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 18 - 19 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 20 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 20 - 24 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 - 60 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 19 - 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 - 34 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70 - 80 % - ในช่วงวันที่ 18-19 ม.ค. มีอากาศเย็นกับมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 20 - 24 ม.ค. จะมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงโดนฝนและอยู่ในที่ชื้นแฉะเป็นเวลานาน รวมทั้งควรรักษาอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วนัก นอกจากนี้เกษตรกรควรระวังโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชสวน โดยเฉพาะโรครากเน่าโคนเน่าในไม้ผล โรคหน้ากรีดยางและโรคใบยางร่วงในยางพารา โรคราสนิมในกาแฟ และโรคราสีชมพูในไม้ผล เป็นต้น สำหรับพื้นที่การเกษตรซึ่งเป็นที่ลุ่ม เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้น้ำขังในแปลงปลูกและโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศ ต้นพืชตายได้ NT ลักษณะอากาศในรอบ 7 วันที่ผ่านมา

          ระหว่างวันที่ 11 - 17 มกราคม 2566  มีรายงานฝนตกหนักมากบริเวณจังหวัดนราธิวาส ส่วนบริเวณจังหวัดที่มีฝนตกหนัก ได้แก่         ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ปราจีนบุรี ระยอง ตราด พัทลุง ตรัง และสตูล



ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ