พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 13 - 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

ข่าวทั่วไป Monday February 13, 2023 14:04 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า

คาดหมายอากาศทั่วไป

ระหว่างวันที่ 13 - 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

ในช่วงวันที่ 14 - 17 ก.พ. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกจะมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ในขณะที่ในช่วงวันที่ 16 - 19 ก.พ. 66 คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจะเคลื่อนผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้ในช่วงวันที่ 14 - 19 ก.พ. 66 บริเวณประเทศไทยตอนบนมีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในระยะแรก โดยมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลง 4 - 6 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 1 - 4 องศาเซลเซียส สำหรับในช่วงวันที่ 13 - 14 ก.พ. 66 ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันจะมีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อย ส่วนในช่วงวันที่ 15 - 19 ก.พ. 66 ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 2 - 3 เมตร

ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 14 - 17 ก.พ. 66 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตก โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง รวมถึงระวังอันตรายจากฟ้าผ่าที่อาจเกิดขึ้นได้ ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย สำหรับในช่วงวันที่ 15 - 19 ก.พ. 66 ชาวเรือบริเวณอ่าวไทย ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

ออกประกาศ 13 กุมภาพันธ์ 2566 11:00 น.

คาดหมายอากาศรายภาค

ระหว่างวันที่ 13 - 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 13 - 14 ก.พ. 66 และ 18 - 19 ก.พ. 66 อากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน

อุณหภูมิต่ำสุด 12 - 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 - 38 องศาเซลเซียส

ส่วนในช่วงวันที่ 15 - 17 ก.พ. 66 มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 - 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

อุณหภูมิต่ำสุด 16 - 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31 - 35 องศาเซลเซียส

บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5 - 13 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 14 - 15 ก.พ. 66 อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 - 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

โดยในช่วงวันที่ 15 - 17 ก.พ. 66 อากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้ากับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 4 - 6 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิต่ำสุด 14 - 20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28 - 36 องศาเซลเซียส

บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11 - 14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม.

ส่วนในช่วงวันที่ 18 - 19 ก.พ. 66 อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 - 3 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิต่ำสุด 18 - 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 - 35 องศาเซลเซียส

บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12 - 15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม.

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 14 - 15 ก.พ. 66 อากาศร้อนในตอนกลางวัน มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 - 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

อุณหภูมิต่ำสุด 23 - 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36 - 39 องศาเซลเซียส

ส่วนในช่วงวันที่ 16 - 19 ก.พ. 66 อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 2 - 4 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิต่ำสุด 20 - 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 - 36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 25 กม./ชม.

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 14 - 15 ก.พ. 66 พายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 - 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

โดยในช่วงวันที่ 15 - 17 ก.พ. 66 อุณหภูมิจะลดลง 2 - 4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง

อุณหภูมิต่ำสุด 21 - 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 34 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 18 - 19 ก.พ. 66 อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 - 2 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิต่ำสุด 22 - 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 - 35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 13 - 14 ก.พ. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 20 ของพื้นที่

ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 15 - 19 ก.พ. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 - 40 ของพื้นที่

ลมตะวันออก ความเร็ว 20 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 2 - 3 เมตร

อุณหภูมิต่ำสุด 21 - 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 35 องศาเซลเซียส

ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 13 - 14 และ 17 - 19 ก.พ. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 15 - 16 ก.พ. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 - 30 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

อุณหภูมิต่ำสุด 22 - 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 - 36 องศาเซลเซียส

กรุงเทพและปริมณฑล

ในช่วงวันที่ 14 - 15 ก.พ. 66 อากาศร้อนในตอนกลางวัน มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 - 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

อุณหภูมิต่ำสุด 25 - 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 - 38 องศาเซลเซียส

ส่วนในช่วงวันที่ 16 - 19 ก.พ. 66 อากาศเย็นในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิต่ำสุด 22 - 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31 - 35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 25 กม./ชม.

ออกประกาศ 13 กุมภาพันธ์ 2566 11:00 น.

ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ