พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 15 - 21 ธันวาคม พ.ศ. 2566 ออกประกาศวันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2566 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 150/2566 การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 16 - 19 ธ.ค. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ส่งผลให้ให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเล็กน้อยบางแห่งในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 3 - 5 องศาเซลเซียสกับมีลมแรงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร จากนั้นในช่วงวันที่ 20 - 21 ธ.ค. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิลดลงอีก 2 - 4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร คำเตือน ในช่วงวันที่ 17 - 21 ธ.ค. บริเวณประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิจะลดลงทำให้มีอากาศหนาวเย็น เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพ สำหรับบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นลมแรง ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเกษตรกรที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกควรระมัดระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง และในช่วงวันที่ 20 - 21 ธ.ค. ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่ง
คำแนะนำสำหรับการเกษตร ภาค พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์ เหนือ ในช่วงวันที่ 15 - 17 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งในวันที่ 17 ธ.ค. อุณหภูมิต่ำสุด 18 - 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 - 35 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด กับมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 6 - 14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10 - 15 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 18 - 20 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 15 - 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5 - 12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม. ส่วนในวันที่ 21 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว และอุณหภูมิจะลดลงอีก 2 - 3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 13 - 19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27 - 30 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4 - 10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70% ความยาวนานแสงแดด 6-8 ชม. - ระยะนี้อากาศหนาวเย็น เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในช่วงที่อุณหภูมิลดลง เกษตรกรควรลดปริมาณอาหารเนื่องจากสัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อยลง อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสียส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย สำหรับสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่การเกษตรและอาคารบ้านเรือน รวมทั้งหลีกเลี่ยงการจุดไฟหากมีความจำเป็นต้องติดไฟควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งานตะวันออก ในช่วงวันที่ 16 - 19 ธ.ค. มีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 3 - 5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14 - เฉียงเหนือ 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 31 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูจะมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8 - 14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 20 - 21 ธ.ค. มีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงอีก 2 - 4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 11- 17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25 - 27 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6 - 10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70% ความยาวนานแสงแดด 6-9 ชม. - ระยะนี้อากาศหนาวเย็น เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลแผงกำบังลมหนาวให้ใช้งานได้ตามปกติ โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กควรให้ความอบอุ่นภายในโรงเรือนอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในช่วงที่อุณหภูมิลดลง เกษตรกรควรลดปริมาณอาหารเนื่องจากสัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อยลง อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสียส่งผลให้สัตว์น้ำ
อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย สำหรับสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดอัตราการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน และรักษาอุณหภูมิดิน กลางในช่วงวันที่ 16 - 20 ธ.ค. มีฝนเล็กน้อยบางแห่งในระยะแรก หลังจากนั้นอากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19 - 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 - 33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 25 กม./ชม. ส่วนในวันที่ 21 ธ.ค. อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17 - 20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28 - 31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70% ความยาวนานแสงแดด 7-9 ชม. - ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำให้เหมาะสมกับชนิดของสัตว์น้ำที่เลี้ยงและดูแลจำนวนสัตว์น้ำให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำที่มีอยู่ หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอยู่อย่างแออัดส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย สำหรับสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดอัตราการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน ตะวันออก ในช่วงวันที่ 16 - 20 ธ.ค. มีฝนเล็กน้อยบางแห่งในระยะแรก หลังจากนั้นอากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะ
ลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 - 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21 - 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31 - 33 องศาเซลเซียส ส่วนในวันที่ 21 ธ.ค. อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงอีก 2 - 3 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 18 - 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28 - 31 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 % ความยาวนานแสงแดด 6-8 ชม. - ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำให้เหมาะสมกับชนิดของสัตว์น้ำที่เลี้ยงและดูแลจำนวนสัตว์น้ำให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำที่มีอยู่ หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอยู่อย่างแออัดสงผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะเตรียมออกดอก เกษตรกรควรงดให้น้ำรอจนกว่าเห็นดอกชัดเจนแล้วจึงค่อยให้น้ำ โดยให้น้ำในปริมาณที่น้อยก่อนแล้วค่อยเพิ่มปริมาณขึ้น ใต้ ฝั่งตะวันออก ฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 - 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณตอนล่างของภาคตลอดช่วง ในช่วงวันที่ 15 - 19 ธ.ค. ตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราช ขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่ จ.สงขลา ลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 20 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 20 - 21 ธ.ค. ตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราช ขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่ จ.สงขลา ลงไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 - 40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23 - 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 34 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % ความยาวนานแสงแดด 5-7 ชม. ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 - 40 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ในช่วงวันที่ 15 - 19 ธ.ค. ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 20 - 21 ธ.ค. ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23 - 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 34 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 % - ระยะนี้ทางตอนบนของภาคอากาศเย็น ส่วนทางตอนล่างจะมีฝนฟ้าคะนองกับฝนตกหนักบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้สัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรครากเน่าโคนเน่าในไม้ผล โรคใบยางร่วงในยางพารา และโรคราสีชมพูในไม้ผลและยางพารา เป็นต้น อนึ่ง ในช่วงที่มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังแรง คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และในช่วงวันที่ 20 - 21 ธ.ค. ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่ง ลักษณะอากาศ7วันที่ผ่านมา
ระหว่างวันที่ 8 - 14 ธันวาคม 2566 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังอ่อนปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ตลอดช่วง ประกอบกับลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือในระยะครึ่งแรกของช่วง ลักษณะดังกล่าวทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นเกือบทั่วไปเกือบตลอดช่วง ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออกมีอากาศเย็นบางพื้นที่ สำหรับภาคใต้มีฝนตกตลอดช่วง เนื่องจากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ในระยะครึ่งแรกของช่วง จากนั้นมีกำลังอ่อนลง
ภาคเหนือมีอากาศเย็นเกือบทั่วไป โดยเฉพาะตอนบนของภาคมีอากาศเย็นทั่วไปตลอดช่วง ส่วนบริเวณเทือกเขาและยอดดอยมีอากาศเย็นถึงหนาว โดยมีฝนบางพื้นที่ ในระยะครึ่งแรกของช่วง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นทั่วไปเกือบตลอดช่วง กับมีอากาศหนาวบางพื้นที่บริเวณจังหวัดนครพนมในวันที่ 8 ธ.ค. ส่วนบริเวณเทือกเขาและยอดภูมีอากาศเย็นถึงหนาว ภาคกลางมีอากาศเย็นหลายพื้นที่ โดยมีฝนปานกลางบางพื้นที่บริเวณจังหวัดราชบุรีในวันที่ 13 ธ.ค. ภาคตะวันออกมีอากาศเย็นบางพื้นที่ทางตอนบนของภาคในบางวัน และมีฝนเล็กน้อยบางพื้นที่ในระยะครึ่งหลังของช่วง ภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีอากาศเย็นบางพื้นที่ส่วนมากทางตอนบนของภาคเกือบตลอดช่วง โดยมีฝนร้อยละ 10-40 ของพื้นที่กับมีฝนหนักบางแห่งในระยะต้นและกลางช่วง จากนั้นมีฝนเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ร้อยละ 65-70 ของพื้นที่ กับมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค นอกจากนี้มีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดนราธิวาส ในวันที่ 14 ธ.ค. ภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนร้อยละ 10-35 ของพื้นที่ เว้นแต่วันที่ 13 ธ.ค. มีฝนร้อยละ 65 ของพื้นที่ กับมีฝนหนักบางแห่ง ช่วงที่ผ่านมาภาคใต้มีฝนตกหนักมากบริเวณจังหวัดพัทลุง ยะลา และนราธิวาส ส่วนจังหวัดที่มีฝนตกหนัก ได้แก่ นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และตรัง โดยวัดปริมาณฝนสูงสุดได้ 170.4 มม. ที่ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส เมื่อวันที่14 ธ.ค.
ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา