พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 1 - 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ข่าวทั่วไป Monday July 1, 2024 14:33 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 1 - 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ออกประกาศวันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 79/2567 การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 1 - 3 ก.ค. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ และมี ฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนในช่วงวันที่ 4 - 7 ก.ค. 67 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนาม ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร คำเตือน ในช่วงวันที่ 4 - 7 ก.ค. 67 บริเวณประเทศไทยจะมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว เกษตรกรบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในแปลงปลูก ส่วนชาวเรือและชาวประมงทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

คำแนะนำสำหรับการเกษตร ภาค พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์ เหนือ ในช่วงวันที่ 1 - 3 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 - 40 ของพื้นที่ ส่วนในวันที่ 4 - 7 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 - 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23 - 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 - 37 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 65 - 75 % ความยาวนานแสงแดด 5 - 7 ชม. - ในช่วงวันที่ 4-7 ก.ค. จะมีฝนตกหนักบางแห่ง ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว รวมทั้งควรทำทางระบายน้ำออกจากแปลงปลูกเพื่อป้องกันน้ำท่วมขังโคนต้นพืชนาน ส่วนในบางที่ที่มีฝนตกติดต่อกัน ทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรเตรียมการป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราและแบคทีเรีย เช่น โรคเน่าเละ ในพืชผักตระกูลกะหล่ำและผักกาด อีกทั้งผลผลิตที่เก็บเกี่ยวมาแล้วควรระวังความชื้นสะสมที่ทำให้เกิดเชื้อราในโรงเก็บผลผลิตไว้ด้วย ตะวันออก ในช่วงวันที่ 1 - 3 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 - 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 4 - 7 ก.ค. มีฝนเฉียงเหนือ ฟ้าคะนองร้อยละ 40 - 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23 - 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 - 36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 65 - 75 % ความยาวนานแสงแดด 5 - 7 ชม. - ระยะนี้จะมีฝนตกหนักบางแห่ง ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน อีกทั้งควรสำรวจทางระบายน้ำออกจากแปลงปลูกเพื่อป้องกันน้ำขังในพื้นที่การเกษตร ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะเป็นเวลานานและหมั่นสำรวจหลังคาโรงเรือนอย่าให้มีรอยรั่วซึมและดูแลแผงกำบังฝนสาดให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ตามปกติ เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงเปียกชื้นหนาวเย็น จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมถึงไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งหรือใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อป้องกันอันตรายในช่วงฝนฟ้าคะนอง กลาง ในช่วงวันที่ 1 - 3 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 - 30 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 4 - 7 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 - 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23 - 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 - 38 องศาเซลเซียสความชื้นสัมพัทธ์ 60 - 80 % ความยาวนานแสงแดด 5 - 8 ชม. - ในช่วงวันที่ 4-7 ก.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่ม เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากแปลงปลูกเพื่อป้องกันน้ำขังในพื้นที่การเกษตรนาน ส่วนในบางที่ที่มีฝนตกติดต่อกัน ทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรเตรียมการป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราและแบคทีเรีย อีกทั้งผลผลิตที่เก็บเกี่ยวมาแล้วควรระวังความชื้นสะสมที่ทำให้เกิดเชื้อราในโรงเก็บผลผลิตไว้ด้วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำหลังจากฝนตกควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อป้องกันน้ำแยกชั้นและเป็นการเติมออกซิเจนให้แก่น้ำ สำหรับบางพื้นที่ที่ฝนตกสม่ำเสมอและดินมีความชื้นเพียงพอ เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชรอบใหม่ ควรคลุกเมล็ดพันธุ์และชุบท่อนพันธุ์ด้วยสารกำจัดเชื้อราก่อนปลูกเพื่อป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา

ตะวันออก ในช่วงวันที่ 1 - 3 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 - 40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 4 - 7 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 -

70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24 - 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31 - 36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 65 - 85 % ความยาวนานแสงแดด 3 - 7 ชม. - ในช่วงวันที่ 4-7 ก.ค. จะมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากแปลงปลูกเพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในแปลงปลูกนาน ทำให้รากพืชขาดอากาศต้นพืชตายได้ ส่วนชาวสวนผลไม้ควรสำรวจดูแลวัสดุอุปกรณ์ที่ผูกยึดและค้ำยันกิ่งลำต้นของไม้ผล ให้มั่นคงแข็งแรง รวมทั้งระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก เป็นต้น โดยดูแลแปลงปลูกให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นสะสมในพื้นที่การเกษตร ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อโดยตรงแต่ควรนำไปพักในบ่อพักก่อน แล้วค่อยปล่อยลงสู่บ่อเลี้ยงป้องกันสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน และหลังจากฝนตกควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อป้องกันน้ำแยกชั้นและเป็นการเติมออกซิเจนให้น้ำ ใต้

ฟ้าคะนองร้อยละ 40 - 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1 - 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22 - 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31 - 36 องศาเซลเซียส ฟ้าคะนองร้อยละ 40 - 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24 - 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 65 - 85 % ความยาวนานแสงแดด 3 - 8 ชม. - ในช่วงวันที่ 4-7 ก.ค.จะมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนในบางแห่งที่มีฝนตกติดต่อกัน ทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรครากเน่าโคนเน่าในไม้ผล โรคใบติดในทุเรียน โรครากขาวและโรคหน้ากรีดยางในยางพารา โรคราสีชมพูในไม้ผลและยางพารา เป็นต้น สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรหมั่นสังเกตบริเวณโรงเรือนเพราะอาจมีสัตว์มีพิษหรือศัตรูสัตว์ เช่น งู ตะขาบ และแมงป่อง เป็นต้น เข้ามาอาศัยหลบซ่อนในบริเวณโรงเรือนทำให้สัตว์เลี้ยงตื่นและอาจทำร้ายสัตว์เลี้ยงได้ หากพบควรรีบจัดการให้ออกไปจากโรงเรือน อนึ่ง ระยะนี้ บริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ตลอดช่วง NT ลักษณะอากาศในรอบ 7 วันที่ผ่านมา

ระหว่างวันที่ 24 - 30 มิถุนายน 2567 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่หย่อมความกดอากาศบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในระยะครึ่งแรกของสัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนในระยะครึ่งหลังของสัปดาห์ ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลง ลักษณะดังกล่าวทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกตลอดสัปดาห์ โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนาแน่นส่วนมากในระยะครึ่งแรกของสัปดาห์ ส่วนภาคใต้มีฝนตกหนาแน่นส่วนมากในวันแรกและในระยะปลายสัปดาห์

ภาคเหนือมีฝนมากกว่าร้อยละ 65 ของพื้นที่ในระยะครึ่งแรกและในวันสุดท้ายของสัปดาห์ ส่วนวันอื่นๆ มีฝนร้อยละ 35-60 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางแห่งตลอดสัปดาห์กับมีฝนหนักมากบางแห่งในวันที่ 29 มิ.ย. และมีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดลำปาง ในวันที่ 28 มิ.ย. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนร้อยละ 70-90 ของพื้นที่กับมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่งในระยะต้นและกลางสัปดาห์ จากนั้นมีฝนลดลงอยู่ในเกณฑ์ร้อยละ 35-55 ของพื้นที่กับมีฝนหนักบางแห่ง และมีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดเลยและหนองบัวลำภู ในวันที่ 26 มิ.ย. ภาคกลางมีฝนร้อยละ 20-55 ของพื้นที่ เว้นแต่วันที่ 25 วันที่ 28 และวันที่ 30 มิ.ย. มีฝนร้อยละ 75-90 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่งในระยะครึ่งหลังของสัปดาห์ ภาคตะวันออกมีฝนมากกว่าร้อยละ 65 ของพื้นที่ เว้นแต่วันที่ 24 และวันที่ 27-28 มิ.ย. มีฝนร้อยละ 35-50 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางแห่งตลอดสัปดาห์ กับมีฝนหนักมากบางแห่งในวันที่ 25 มิ.ย. และมีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดจันทบุรีและตราด ในวันที่ 24 มิ.ย. ภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนร้อยละ 65-90 ของพื้นที่ ในวันที่ 24 วันที่ 27 และวันที่ 29-30 มิ.ย. ส่วนวันอื่นๆ มีฝนร้อยละ 35-55 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางพื้นที่เกือบตลอดสัปดาห์ กับมีฝนหนักมากบางแห่งในวันที่ 29 มิ.ย. และมีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดยะลา ในวันที่ 26 มิ.ย. ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนมากกว่าร้อยละ 75 ของพื้นที่ ในวันที่ 24 วันที่ 27 และวันที่ 29-30 มิ.ย. ส่วนวันอื่นๆ มีฝนน้อยกว่าร้อยละ 25 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางแห่งในระยะต้นและปลายสัปดาห์ กับฝนหนักมากบางแห่งในวันที่ 29 มิ.ย. และมีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดภูเก็ตในวันที่ 29 มิ.ย. และจังหวัดพังงา ในวันที่ 30 มิ.ย.

          สัปดาห์ที่ผ่านมามีฝนตกหนักมาก บริเวณจังหวัดน่าน หนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู มุกดาหาร ลพบุรี นครนายก จันทบุรี      ตราด สุราษฎร์ธานี สงขลา และพังงา ส่วนจังหวัดที่มีฝนตกหนัก ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก           พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ เลย สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สมุทรปราการ ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง ภูเก็ต และตรัง



ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ