พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม - 4 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ออกประกาศวันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 91/2567 การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 30 ก.ค. - 4 ส.ค. 67 ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านประเทศเมียนมาและลาวตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลงแต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร คำเตือน ในวันที่ 29 ก.ค. บริเวณประเทศไทยจะมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว เกษตรกรบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในแปลงปลูก ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
คำแนะนำสำหรับการเกษตร ภาค พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์ เหนือ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 - 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ตลอดช่วง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23 - 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28 - 36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 65 - 85 % ความยาวนานแสงแดด 2 - 3 ชม. - ในระยะนี้ จะมีฝนตกหนักบางแห่ง ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ และพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว รวมทั้งควรทำทางระบายน้ำออกจากแปลงปลูกเพื่อป้องกันน้ำท่วมขังโคนต้นพืชนาน ส่วนในบางที่ที่มีฝนตกติดต่อกัน ทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรเตรียมการป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราและแบคทีเรีย เช่น โรคเน่าเละ ในพืชผักตระกูลกะหล่ำและผักกาด อีกทั้งผลผลิตที่เก็บเกี่ยวมาแล้วควรระวังความชื้นสะสมที่ทำให้เกิดเชื้อราในโรงเก็บผลผลิตไว้ด้วย ตะวันออก ในช่วงวันที่ 30 ก.ค. - 4 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 - 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งทางตอนบนของภาค ลมเฉียงเหนือ ตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23 - 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 - 36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 60 - 80 % ความยาวนานแสงแดด 4 - 6 ชม. - ในระยะนี้ จะมีฝนตกหนักบางแห่งโดยเฉพาะทางตอนบนของภาค ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ อีกทั้งควรสำรวจทางระบายน้ำออกจากแปลงปลูกเพื่อป้องกันน้ำขังในพื้นที่การเกษตรโดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำ ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะเป็นเวลานานและควรสำรวจหลังคาโรงเรือนและแผงกำบังฝนสาดให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ตามปกติ อีกทั้งควรหมั่นสังเกตบริเวณโรงเรือนเพราะอาจมีสัตว์มีพิษหรือศัตรูสัตว์ เช่น งู ตะขาบ และแมงป่อง เป็นต้น เข้ามาอาศัยหลบซ่อนในบริเวณโรงเรือนทำให้สัตว์เลี้ยงตื่นและอาจทำร้ายสัตว์เลี้ยงได้ รวมถึงไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งหรือใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าในช่วงที่มีฝนฟ้าคะนอง กลาง ในช่วงวันที่ 30 ก.ค. - 4 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 - 60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23 - 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 60 - 80 % ความยาวนานแสงแดด 4 - 6 ชม. - ระยะนี้จะมีปริมาณฝนลดลง เกษตรกรควรเร่งสำรวจทางระบายน้ำออกจากแปลงปลูกให้พร้อมใช้งานได้เพื่อป้องกันน้ำขังในพื้นที่การเกษตรนาน ส่วนในบางที่เคยมีฝนตกชุกติดต่อกัน ทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรารวมทั้งผลผลิตที่เก็บเกี่ยวมาแล้วควรระวังความชื้นสะสมที่ทำให้เกิดเชื้อราในโรงเก็บผลผลิตไว้ด้วย สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรหมั่นสังเกตบริเวณโรงเรือนเพราะอาจมีสัตว์มีพิษหรือศัตรูสัตว์เข้ามาอาศัยหลบซ่อนในบริเวณโรงเรือนทำให้สัตว์เลี้ยงตื่นและอาจทำร้ายสัตว์เลี้ยงได้ หากพบควรรีบจัดการให้ออกไปจากโรงเรือน สำหรับบางพื้นที่ที่ฝนตกไม่สม่ำเสมอ เกษตรกรควรระวังศัตรูพืชจำพวกหนอนกัดกินส่วนต่างๆของพืช ส่งผลให้พืชชะงักการเจริญเติบโตได้
ตะวันออก ในช่วงวันที่ 30 ก.ค. - 4 ส.ค. 67 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 - 60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24 - 29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 65 - 85 % ความยาวนานแสงแดด 4 - 6 ชม. - ระยะนี้จะมีปริมาณฝนลดลง ควรเร่งสำรวจทางระบายน้ำออกจากแปลงปลูกให้พร้อมใช้งานได้เพื่อป้องกันน้ำขังในพื้นที่การเกษตรนาน ทำให้รากพืชขาดอากาศต้นพืชตายได้ ส่วนชาวสวนผลไม้ควรฟื้นฟูสภาพพืชสวน สำรวจดูแลวัสดุอุปกรณ์ที่ผูกยึดค้ำยันกิ่งและลำต้นของไม้ผลให้มั่นคงแข็งแรง รวมทั้งระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผักไว้ด้วย โดยควรดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นสะสมในพื้นที่การเกษตร ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อโดยตรงแต่ควรนำไปพักในบ่อพักก่อน แล้วค่อยปล่อยลงสู่บ่อเลี้ยงป้องกันสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน และหลังจากฝนตกควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อป้องกันน้ำแยกชั้นและเป็นการเติมออกซิเจนให้น้ำ ใต้ ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 29 - 30 ก.ค. 67 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 - 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 31 ก.ค. - 4 ส.ค. 67 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 - 40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23 - 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 - 36 องศาเซลเซียส ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 29 - 30 ก.ค. 67 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 - 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 31 ก.ค. - 4 ส.ค. 67 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 - 40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24 - 28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 65 - 85 % ความยาวนานแสงแดด 4 - 6 ชม. - ในช่วงวันที่ 29 - 30 ก.ค.จะมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำหลังจากฝนตกควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อป้องกันน้ำแยกชั้นและเป็นการเติมออกซิเจนให้แก่น้ำ สำหรับในบางพื้นที่ที่มีฝนตกติดต่อกัน ทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรครากเน่าโคนเน่าในไม้ผล โรคใบติดในทุเรียน โรครากขาวและโรคหน้ากรีดยางในยางพารา โรคราสีชมพูในไม้ผลและยางพารา เป็นต้น อนึ่ง ระยะนี้ บริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง NT ลักษณะอากาศในรอบ 7 วันที่ผ่านมา
ระหว่างวันที่ 22 - 28 กรกฎาคม 2567 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยตลอดสัปดาห์ ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและประเทศลาวตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ยในวันสุดท้ายของสัปดาห์ ลักษณะดังกล่าวทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนาแน่นตลอดสัปดาห์ โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกและมีรายงานน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ส่วนภาคใต้มีฝนส่วนมากทางตอนบนของภาค โดยเฉพาะในวันสุดท้ายของสัปดาห์ที่ปริมาณและการกระจายของฝนเพิ่มขึ้นทั่วทั้งภาค อนึ่ง พายุโซนร้อน "พระพิรุณ" (PRAPIROON, 2404) ได้เคลื่อนผ่านเกาะไหหลำลงสู่อ่าวตังเกี๋ยแล้วเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณเมืองก๋วงนินห์ ประเทศเวียดนามตอนบน เมื่อเวลา
07.00 น. ของวันที่ 23 ก.ค. ก่อนอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบนในระยะกลางสัปดาห์
ภาคเหนือ มีฝนร้อยละ 65-90 ของพื้นที่ตลอดสัปดาห์ โดยมีฝนหนักบางพื้นที่เกือบตลอดสัปดาห์ กับมีฝนหนักมากบางแห่ง ในวันที่ 24-25 ก.ค. และมีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดเพชรบูรณ์ ในวันที่ 22 ก.ค. และจังหวัดตาก ในวันที่ 25-28 ก.ค. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนร้อยละ 60-85 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 22 วันที่ 24 และวันที่ 25 ก.ค. มีฝนร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีฝนหนักบางพื้นที่เกือบตลอดสัปดาห์ ภาคกลาง มีฝนมากกว่าร้อยละ 70 ของพื้นที่ เว้นแต่ วันที่ 22 และวันที่ 24 ก.ค. มีฝนร้อยละ 30-50 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดสัปดาห์ กับมีฝนหนักมากบางแห่งในระยะกลางสัปดาห์ และมีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดกาญจนบุรี ในวันที่ 25-28 ก.ค. ภาคตะวันออก มีฝนร้อยละ 65-90 ของพื้นที่ตลอดสัปดาห์ กับมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดสัปดาห์ โดยเฉพาะในระยะครึ่งหลังของสัปดาห์มีฝนหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดจันทบุรี ในวันที่ 22-23 และ 27-28 ก.ค. และจังหวัดตราด ในวันที่ 23 และวันที่ 26-28 ก.ค.นอกจากนี้มีรายงานลมกระโชกแรงบริเวณจังหวัดตราด ในวันที่ 25 ก.ค. ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนร้อยละ 15-45 ของพื้นที่เว้นแต่ในวันสุดท้ายของสัปดาห์ที่มีฝนมากกว่าร้อยละ 80 ของพื้นที่โดยมีฝนหนักบางแห่งในวันที่ 23-24 และวันที่ 27-28 ก.ค. นอกจากนี้มีรายงานลมกระโชกแรงบริเวณจังหวัดนราธิวาส ในวันที่ 23 ก.ค. และจังหวัดนครศรีธรรมราช ในวันที่ 28 ก.ค. ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนร้อยละ 15-50 ของพื้นที่ เว้นแต่ในระยะปลายสัปดาห์มีฝนมากกว่าร้อยละ 65 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดสัปดาห์ ช่วงที่ผ่านมามีฝนตกหนักมาก บริเวณจังหวัดตาก กาญจนบุรี นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด ส่วนจังหวัดที่มีฝนตกหนัก ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ อุดรธานี นครพนม ขอนแก่น ชัยภูมิ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี ปทุมธานี กรุงเทพมหานคร ราชบุรี สระแก้ว ระยอง ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล
ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา