พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 16 - 22 สิงหาคม พ.ศ. 2567

ข่าวทั่วไป Friday August 16, 2024 14:54 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 16 - 22 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ออกประกาศวันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2567 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 99/2567 การคาดหมายลักษณะอากาศ ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ตลอดช่วง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง ในขณะที่ในช่วงวันที่ 16-17 ส.ค. จะมีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้ในระดับบนบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ คำเตือน ในช่วงนี้บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ เกษตรกรบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

คำแนะนำสำหรับการเกษตร ภาค พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์ เหนือ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90 % ความยาวนานแสงแดด 2-5 ชม. - ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ตลอดช่วง เกษตรกรบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก นอกจากนี้ควรระวังโรคที่มาพร้อมกับน้ำท่วม เช่น โรคฉี่หนู โรคน้ำกัดเท้า และโรคตาแดง เป็นต้น ตะวันออก ในช่วงวันที่ 16-17 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 18-22 ส.ค. มีเฉียงเหนือ ฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % ความยาวนานแสงแดด 3-6 ชม. - ในช่วงนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ เกษตรกรควรซ่อมแซมหลังคาโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้มีรอยรั่วซึมและทำแผงกำบังฝนและลมให้แก่สัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ควรระวังน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร กลาง ในช่วงวันที่ 16-17 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 18-22 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % ความยาวนานแสงแดด 4-7 ชม. - ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของหนอนกระทู้ผักในผักตระกูลกะหล่ำและผักกาด เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บรอกโคลี ผักกาดขาว และผักกาดหัว เป็นต้น นอกจากนี้ควรระวังโรคที่มาพร้อมกับน้ำท่วม เช่น โรคฉี่หนู โรคน้ำกัดเท้า และโรคตาแดง เป็นต้น ตะวันออก ในช่วงวันที่ 16-17 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 18-22 ส.ค. มี

ฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % ความยาวนานแสงแดด 4-7 ชม. - ในช่วงนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก นอกจากนี้ควรดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา และควรระวังน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร

ใต้ ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 17-18 ส.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % ความยาวนานแสงแดด 5-8 ชม. ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % - ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักบางแห่งตลอดช่วงทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก นอกจากนี้ควรดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา สำหรับผู้เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน ทำให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย หลังจากฝนตกควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อป้องกันน้ำแยกชั้นและเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ RR ลักษณะอากาศในรอบ 7 วันที่ผ่านมา

ระหว่างวันที่ 9 - 15 สิงหาคม 2567 ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและประเทศลาวตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังปานกลางในระยะกลางและปลายช่วง ในขณะที่ภาคใต้มีแนวพัดสอบของลมฝ่ายตะวันออกและลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทางตอนล่างของภาค ในระยะต้นช่วง ลักษณะดังกล่าวทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบน โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนเพิ่มขึ้นในระยะกลางและปลายช่วง ส่วนภาคใต้มีฝนส่วนมากในระยะต้นและปลายช่วง

ภาคเหนือมีฝนร้อยละ 25 ของพื้นที่ในระยะต้นช่วง จากนั้นมีฝนเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ร้อยละ 50-70 ของพื้นที่กับมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่ง และมีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอนและจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 12 ส.ค. จังหวัดเชียงรายในวันที่ 12-15 ส.ค. จังหวัดพะเยา ในวันที่ 13 ส.ค. และจังหวัดลำปาง ในวันที่ 13-14 ส.ค. นอกจากนี้มีรายงานดินถล่มบริเวณจังหวัดน่าน ในวันที่ 13 ส.ค. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนร้อยละ 15-25 ของพื้นที่ ในระยะต้นและปลายช่วง ส่วนในระยะกลางช่วงมีฝนร้อยละ 50-80 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางพื้นที่ส่วนมากทางตอนบนของภาคเกือบตลอดช่วง กับฝนหนักมากบางแห่งในวันที่ 11 ส.ค. และมีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดเลย ในวันที่ 12-13 ส.ค. ภาคกลาง มีฝนร้อยละ 5-55 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 10 และวันที่ 13 ส.ค. มีฝนร้อยละ 60-85 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดช่วง กับมีฝนหนักมากบางพื้นที่ในวันที่ 10 ส.ค. ภาคตะวันออก มีฝนร้อยละ 30-55 ของพื้นที่ เว้นแต่วันที่ 11-12 และวันที่ 15 ส.ค. มีฝนร้อยละ 65-80 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางพื้นที่ในระยะต้นและกลางช่วง กับฝนหนักมากบางแห่ง ในวันที่ 11-12 ส.ค. และมีรายงานน้ำท่วมต่อเนื่องบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนร้อยละ 35-65 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 12-13 ส.ค. มีฝนร้อยละ 25 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางแห่งตลอดช่วง กับฝนหนักมากบางพื้นที่ในวันที่ 9 ส.ค. ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนมากกว่าร้อยละ 65 ของพื้นที่ เว้นแต่วันที่ 12-13 และวันที่ 15 ส.ค. มีฝนร้อยละ 15-50 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่ง ในระยะครึ่งแรกของช่วง กับมีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดกระบี่ ในวันที่ 9 ส.ค.

          ช่วงที่ผ่านมามีฝนตกหนักมากบริเวณจังหวัดเชียงราย หนองคาย สกลนคร มุกดาหาร พระนครศรีอยุธยา นครนายก จันทบุรี      ตราด สงขลา ภูเก็ต และตรัง ส่วนบริเวณจังหวัดที่มีฝนตกหนัก ได้แก่ พะเยา เชียงใหม่ น่าน พิษณุโลก พิจิตร เลย อุดรธานี      หนองบัวลำภู นครพนม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ขอนแก่น ชัยภูมิ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ นครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี        สุพรรณบุรี กรุงเทพมหานคร ราชบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ระยอง เพชรบุรี ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง        ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พังงา และสตูล

ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ