พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 11 - 17 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ออกประกาศวันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2567 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 149/2567 การคาดหมายลักษณะอากาศในช่วงวันที่ 12-17 ธ.ค. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอก/ หนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ภาคใต้ตอนบน และทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเกิดขึ้นในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง กับมีลมแรง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 4-8 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน อุณหภูมิจะลดลง 2-5 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับจะมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างได้เคลื่อนผ่านอ่าวไทยตอนล่างและภาคใต้ตอนล่างในช่วงวันที่ 13-15 ธ.ค. 67 ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร คำเตือนในช่วงวันที่ 12-16 ธ.ค.67 ขอให้เกษตรกรบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยเรือเล็กงดออกจากฝั่ง ส่วนในช่วงวันที่ 14-17 ธ.ค.67 ขอให้เกษตรกรบริเวณประเทศไทยตอนบน ขอให้เกษตรกรดูแลสุขภาพ เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นลง
คำแนะนำสำหรับการเกษตร ภาค พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์ เหนือ ในช่วงวันที่ 12-13 ธ.ค. 67 อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 17-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 5-15 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 14-17 ธ.ค. 67 อากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งในช่วงวันที่ 13-15 ธ.ค. 67 อุณหภูมิต่ำสุด 15-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 % ความยาวนานแสงแดด 7-9 ชม. - ในช่วงวันที่ 12-13 ธ.ค.67 อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะอาจทำให้ผลผลิตเปียกชื้นเสียหายได้ รวมทั้งใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง ส่วนในช่วงวันที่ 14-17 ธ.ค.67 อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา ทำให้มีอากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง ส่วนบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด เกษตรกรควรดูแลสุขภาพ เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นลง นอกจากนี้ควรระวังการเกิดอัคคีภัย เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งและมีลมแรง ตะวันออก ในช่วงวันที่ 12-13 ธ.ค. 67 อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิเฉียงเหนือ ต่ำสุด 18-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-17 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 14-17 ธ.ค. 67 อากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 4-8 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 11-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-32 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 % ความยาวนานแสงแดด 7-9 ชม. - ในช่วงวันที่ 14-17 ธ.ค. 67 อุณหภูมิจะลดลง 4-8 องศาเซลเซียส ทำให้มีอากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพ เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นลง ส่วนเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ปีกควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนให้แก่สัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เจ็บป่วย จากสภาพอากาศที่แห้งและมีลมแรง เกษตรกรควรระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรต่างๆ โดยศัตรูพืชดังกล่าวจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากส่วนต่างๆ ของพืช ทำให้พืชทรุดโทรมผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ รวมทั้งควรระวังการเกิดอัคคีภัยไว้ด้วย
กลาง ในช่วงวันที่ 12-13 ธ.ค. 67 อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างและด้านตะวันออกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 14-17 ธ.ค. 67 อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 % ความยาวนานแสงแดด 6-9 ชม. - ในช่วงวันที่ 14-17 ธ.ค. 67 อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส ทำให้มีอากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพ เนื่องจากอากาศที่เย็นลง ส่วนเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรปรับลดปริมาณอาหารลง เนื่องจากในช่วงที่อากาศเย็นสัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อย จากในสภาพอากาศที่แห้งและมีลมแรง เกษตรกรควรระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยไฟในกุหลาบ เพลี้ยจักจั่นในมะม่าวงและกระเจี๊ยบเขียว เป็นต้น ตะวันออก ในช่วงวันที่ 12-13 ธ.ค. 67 มีฝนร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 14-17 ธ.ค. 67 อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80% ความยาวนานแสงแดด 6-9 ชม. - ในช่วงวันที่ 14-17 ธ.ค. 67 อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส ทำให้มีอากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพ เนื่องจากอากาศที่เย็นลง สำหรับชาวสวนมะม่วงที่อยู่ในระยะแทงช่อดอกจนถึงระยะพัฒนาผลควรเฝ้าระวังการเข้าทำลายของเพลี้ยจักจั่นมะม่วง ซึ่งจะทำให้การติดดอกออกผลลดลง ส่วนเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรปรับลดปริมาณอาหาร เนื่องจากในช่วงที่อากาศเย็นสัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อยลง เศษอาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสียได้ ใต้ ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 12-17 ธ.ค. 67 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักมากบางแห่งในช่วงวันที่ 12-16 ธ.ค. 67 โดยในช่วงวันที่ 15-17 ธ.ค. 67 อากาศเย็นทางตอนบนของภาค และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 85-95% ความยาวนานแสงแดด 3-6 ชม. ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 11-12 ธ.ค. 67 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 13-17 ธ.ค. 67 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90% ความยาวนานแสงแดด 4-7 ชม. - ในช่วงวันที่ 12-17 ธ.ค.67 จะมีฝนตกเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และหนักมากบางแห่งส่วนมากทางฝั่งตะวันออกของภาค ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว รวมทั้งควรอพยพสัตว์เลี้ยงไปไว้ในที่สูงน้ำท่วมไม่ถึง นอกจากนี้ควรเฝ้าระวังการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรครากเน่าโคนเน่าในไม้ผล โรคหน้ากรีดยางในยางพารา โรคแอนแทรคโนสในกาแฟ เป็นต้น สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทย จะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ โดยเรือเล็กงดออกจากฝั่ง
PK. ลักษณะอากาศในรอบ 7 วันที่ผ่านมา
ระหว่างวันที่ 4 - 10 ธันวาคม 2567 มีรายงานฝนตกหนักถึงหนักมากในภาคใต้ โดยมีฝนตกหนักมากบริเวณจังหวัดนราธิวาส ส่วนบริเวณที่มีฝนตกหนัก ได้แก่ จังหวัดชุมพร สงขลา ปัตตานี และยะลา สำหรับปริมาณฝนมากที่สุด วัดได้ 129.4 มิลลิเมตร ที่อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567
ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา