พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 18 - 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ออกประกาศวันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2567 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 152/2567 การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 19 - 23 ธ.ค. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางระลอกใหม่อีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ภาคใต้ตอนบน และทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นลง อุณหภูมิจะลดลง 2 - 4 องศาเซลเซียส ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน อุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง หลังจากนั้น บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ภาคใต้ตอนบน และทะเลจีนใต้เริ่มมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาว สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยตอนล่างและภาคใต้ตอนล่างมีกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรง ตลอดช่วง ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2
เมตร คำเตือน ระยะนี้บริเวณประเทศไทยตอนบนอากาศหนาวเย็น เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพ
คำแนะนำสำหรับการเกษตร ภาค พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์ เหนือ ตอนบนของภาค อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า ตลอดช่วง และอุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียสอุณหภูมิต่ำสุด 14 - 19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24 - 30 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4 - 8 องศาเซลเซียส โดยมีน้ำค้างแข็งในบางพื้นที่ ในช่วงวันที่ 20 - 21 ธ.ค. 67 ลมตะวันออก ความเร็ว 5 - 15 กม./ชม. ตอนล่างของภาค อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า ตลอดช่วง และอุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16 - 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26 - 32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10 - 15 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 55 - 65 % ความยาวนานแสงแดด 6 - 8 ชม. - ระยะนี้อากาศหนาวเย็น ส่วนบริเวณเทือกเขาและยอดดอยจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย สำหรับในช่วงฤดูหนาวอากาศจะจมตัว เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการจุดไฟเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เนื่องจากควันไฟจะลอยขึ้นสู่บรรยากาศได้ยากแต่จะแผ่ปกคลุมบริเวณข้างเคียงทำให้ทัศนวิสัยลดลง โดยเฉพาะบริเวณถนนหนทางอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย และควันไฟอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ไม่ควรให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งแจ้งในตอนกลางคืน โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กควรเพิ่มอุณหภูมิภายในโรงเรือน เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย ส่วนไม้ผลที่ออกดอกในช่วงฤดูหนาว เช่น ลิ้นจี่และลำไย เป็นต้น เกษตรกรควรกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นให้โล่งเตียน เมื่ออุณหภูมิลดลงและยาวนานเพียงพอจะทำให้พืชแทงช่อดอกได้ดี และควรงดให้น้ำพืชจนกว่าจะเห็นดอกชัดเจนจึงค่อยลงมือให้น้ำ โดยให้ในปริมาณที่น้อยก่อนแล้วค่อยเพิ่มปริมาณขึ้น ตะวันออก ในช่วงวันที่ 19 - 23 ธ.ค. 67 อากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 2 - 4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิเฉียงเหนือ ต่ำสุด 10 - 18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24 - 29 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7 - 11 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม. หลังจากนั้น อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 - 2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 12 - 20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27 - 31 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 9 - 13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 55 - 65 % ความยาวนานแสงแดด 7 - 9 ชม. - ระยะนี้อากาศหนาวเย็น ส่วนบริเวณเทือกเขาและยอดภูจะมีอากาศหนาว เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย สำหรับสภาพอากาศที่แห้ง บางช่วงอาจมีลมแรง เกษตรกรที่ติดไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน โดยเฉพาะบริเวณสวนยางพาราควรทำแนวกันไฟรอบพื้นที่การเกษตร เพื่อป้องกันไฟลุกลามจนเกิดเป็นอัคคีภัย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรทำแผงกำบังลมหนาวให้แก่สัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กควรเพิ่มอุณหภูมิภายในโรงเรือน เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชหลังการเก็บเกี่ยวข้าวนาปีควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย เนื่องจากระยะนี้และระยะต่อไปจะเป็นช่วงแล้งปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อย อนึ่ง
ปริมาณน้ำระเหยมีมากในระยะนี้ เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดอัตราการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน และรักษาอุณหภูมิดิน กลาง ในช่วงวันที่ 19 - 23 ธ.ค. 67 อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16 - 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28 - 30 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 25 กม./ชม. หลังจากนั้น อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 - 2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18 - 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 - 32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 55 - 65 % ความยาวนานแสงแดด 7 - 9 ชม. - ระยะนี้อากาศเย็นในตอนเช้า เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควร ควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย ระยะนี้ปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อยทำให้ความชื้นในดินลดลง เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ หากพืชได้รับน้ำน้อยจะทำให้ชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ ถ้าขาดน้ำนานจะทำให้ต้นพืชตายสูญเสียผลผลิตโดยสิ้นเชิง สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้เหมาะสม เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง อนึ่ง ปริมาณน้ำระเหยมีมากในระยะนี้ เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำให้เหมาะสมกับชนิดของสัตว์น้ำที่เลี้ยง และดูแลจำนวนสัตว์น้ำให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำที่มีอยู่ หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอยู่อย่างแออัดส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย นอกจากนี้ควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดอัตราการระเหยของน้ำบริเวณผิวดินรักษาความชื้นภายในดิน และรักษาอุณหภูมิดิน ตะวันออก ในช่วงวันที่ 19 - 23 ธ.ค. 67 อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18 - 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28 - 32 องศาเซลเซียส หลังจากนั้น อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 - 2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20 - 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 55 - 65 % ความยาวนานแสงแดด 7 - 8 ชม. - ระยะนี้อากาศเย็นในตอนเช้า เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย สำหรับปริมาณและการกระจายของฝนที่มีน้อยทำให้ความชื้นในดินลดลง เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ เพราะหากพืชได้รับน้ำน้อยจะทำให้ชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ หากขาดน้ำนานจะทำให้ต้นพืชตายสูญเสียผลผลิตโดยสิ้นเชิง รวมทั้งควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้เหมาะสม เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง ส่วนไม้ผลที่ออกดอกในระยะนี้ เกษตรกรควรกำจัดวัชพืชบริเวณแปลงปลูก และควรงดให้น้ำพืชจนกว่าจะเห็นดอกชัดเจนจึงค่อยลงมือให้น้ำ โดยให้ในปริมาณที่น้อยก่อนแล้วค่อยเพิ่มปริมาณขึ้น รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากต้นพืชทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ อนึ่ง ปริมาณน้ำระเหยมีมากในระยะนี้ เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำให้เหมาะสมกับชนิดของสัตว์น้ำที่เลี้ยง และดูแลจำนวนสัตว์น้ำให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำที่มีอยู่ หากน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอยู่อย่างแออัดส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย ใต้ ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 19 - 24 ธ.ค. 67 อากาศเย็นในตอนเช้าทางตอนบนของภาค และอุณหภูมิจะลดลง 1 - 2 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 18 - 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 33 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดสงขลาลงไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 65 - 85 % ความยาวนานแสงแดด 4 - 8 ชม. ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 19 - 24 ธ.ค. 67 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22 - 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 65 - 85 % ความยาวนานแสงแดด 4 - 6 ชม. - ระยะนี้บริเวณภาคใต้ทางตอนบนจะมีอากาศเย็น เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย สำหรับพื้นที่การเกษตรซึ่งถูกน้ำท่วมในระยะที่ผ่านมา เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดิน
อาหาร โรคตาแดง และน้ำกัดเท้า เป็นต้น หากระดับน้ำลดลงแล้ว เกษตรกรควรรีบฟื้นฟูสภาพสวนและแหล่งน้ำให้ใช้ได้ดีดังเดิม ส่วนพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรทำทางระบายน้ำออกจากแปลงปลูก ไม่ควรปล่อยให้น้ำขังในพื้นที่การเกษตรและโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชเน่า ต้นพืชตายได้ รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรครากเน่าโคนเน่าในไม้ผล โรคใบติดในทุเรียน โรคราสีชมพูในไม้ผลและยางพารา เป็นต้น อนึ่ง บริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
AS ลักษณะอากาศในช่วง 7 วันที่ผ่านมา
ระหว่างวันที่ 11 - 17 ธันวาคม 2567 มีฝนตกหนักมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี และระนอง ส่วนบริเวณจังหวัดที่มีฝนตกหนัก ได้แก่ ลำพูน ประจวบคีรีขันธ์ ยะลา นราธิวาส และตรัง
ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา