พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 3 - 9 มกราคม พ.ศ. 2568 ออกประกาศวันศุกร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2568 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 002/2568 การคาดหมายลักษณะอากาศในช่วงวันที่ 3-7 ม.ค. 68 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจาก/ ประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ภาคใต้ตอนบน และทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลง กับมีลมแรง โดยภาคภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 2-5 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 8-9 ม.ค. 68 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบน ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนมีอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อยส่วนมากทางตอนล่าง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร คำเตือน ขอให้เกษตรกรบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุภาพ เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น รวมทั้งระวังการเกิดอัคคีภัย เนื่องจากสภาพอากาศแห้งและมีลมแรง สำหรับเกษตรกรบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ในช่วงวันที่ 3-7 ม.ค. 68 ขอให้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้
คำแนะนำสำหรับการเกษตร ภาค พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์ เหนือ ในช่วงวันที่ 3-7 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 2-9 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 8-9 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 4-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 5-15 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 55-65 % ความยาวนานแสงแดด 8-9 ชม. - ในช่วงวันที่ 3-7 ม.ค. 68 อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ทำให้อากาศเย็นถึงหนาวโดยเฉพาะบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็ง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง รวมทั้งระวังและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร ส่วนเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะสัตว์ปีกควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน นอกจากนี้ควรระวังการเกิดอัคคีภัย เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งและมีลมแรง ส่วนในช่วงวันที่ 8-9 ม.ค. 68 เกษตรกรควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวังขณะสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกตะวันออก ในช่วงวันที่ 3-7 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 9-17 เฉียงเหนือ องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-29 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 6-9 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 8-9 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 11-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 55-65 % ความยาวนานแสงแดด 8-9 ชม. - ในช่วงวันที่ 3-7 ม.ค. 68 อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส ทำให้มีอากาศเย็นถึงหนาวโดยเฉพาะบริเวณเทือกเขาและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด กับมีน้ำค้างแข็ง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และระวังความเสียหายที่อาจเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร สำหรับในสภาวะอากาศที่แห้งและมีลมแรง ซึ่งเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการแพร่ระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรต่างๆ รวมทั้งควรระวังการเกิดอัคคีภัยไว้ด้วย
กลาง ในช่วงวันที่ 3-7 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 8-9 ม.ค. 68 อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 55-65 % ความยาวนานแสงแดด 7-9 ชม. - ในช่วงวันที่ 3-7 ม.ค. 68 อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส ทำให้มีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย สำหรับในสภาวะอากาศที่แห้งและมีลมแรง เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกและโคนต้นพืช เพื่อลดอัตราการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน ส่วนเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรควบคุมปริมาณการเลี้ยงให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำที่มีอยู่ เพื่อป้องกันสัตว์น้ำอยู่อย่างแออัด สำหรับชาวไร่อ้อยไม่เผาอ้อยก่อนการเก็บเกี่ยว เพราะส่งผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพของผลผลิต และอาจทำให้ลุกลามเป็นอัคคีภัยได้ ตะวันออก ในช่วงวันที่ 3-7 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 15-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 8-9 ม.ค. 68 อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 55-65 % ความยาวนานแสงแดด 7-9 ชม. ในช่วงวันที่ 3-7 ม.ค. 68 อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส ทำให้มีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า กับมีลมแรง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพ และระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนและปากดูด ในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผักต่างๆ ส่วนเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรควบคุมปริมาณการเลี้ยงให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำที่มีอยู่ เพื่อป้องกันสัตว์น้ำอยู่อย่างแออัด นอกจากนี้เกษตรกรควรระวังการเกิดอัคคีภัย เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งและมีลมแรง ใต้ ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 3-7 ม.ค. 68 ตอนบนของภาคอากาศเย็น และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาคในช่วงวันที่ 4-5 ม.ค. 68 ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 17-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 8-9 ม.ค. 68 ตอนบนของภาคอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 % ความยาวนานแสงแดด 6-8 ชม. ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 4-7 ม.ค. 68 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 8-9 ม.ค. 68 มีฝนเล็กน้อยบางแห่งทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 % ความยาวนานแสงแดด 6-8 ชม. - มีอากาศเย็นทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนและปากดูดในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ส่วนทางตอนล่างของภาคจะมีฝนเพิ่มกับมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 3-7 ม.ค. 68 เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยดูแลระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง เมื่อมีฝนตกหนัก อนึ่ง บริเวณอ่าวไทยตอนล่างจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ PK ลักษณะอากาศในรอบ 7 วันที่ผ่านมา
ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2567 - 2 มกราคม 2568 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและภาคใต้ตอนบนตลอดช่วง ลักษณะดังกล่าวทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาวเย็น ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออกมีอากาศเย็นเกือบทั่วไปเกือบตลอดช่วง สำหรับภาคใต้มีอากาศเย็นในระยะครึ่งหลังของช่วง โดยมีฝนตกส่วนมากในระยะครึ่งแรกของช่วงตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป จากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนืองที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงในระยะต้นและกลางช่วง
ภาคเหนือ มีอากาศหนาวเกือบทั่วไปทางตอนบนของภาค ส่วนทางตอนล่างของภาคมีอากาศเย็น สำหรับบริเวณเทือกเขาและยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีรายงานน้ำค้างแข็งบริเวณยอดดอยของจังหวัดเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศเย็นในระยะต้นช่วง จากนั้นอุณหภูมิลดลงจนมีอากาศหนาวเกือบทั่วไป สำหรับบริเวณเทือกเขาและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด ภาคกลาง มีอากาศเย็นบางพื้นที่ในระยะต้นช่วง จากนั้นอุณหภูมิลดลงจนมีอากาศเย็นเกือบทั่วไป โดยมีอากาศหนาวบางพื้นที่บริเวณจังหวัดลพบุรี ในวันที่ 31 ธ.ค. 67 และ วันที่ 2 ม.ค. 68 ภาคตะวันออก มีอากาศเย็นบางพื้นที่ในระยะต้นช่วง จากนั้นอุณหภูมิลดลงจนมีอากาศเย็นเกือบทั่วไป สำหรับบริเวณยอดเขามีอากาศเย็นถึงหนาว ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีอากาศเย็นบางพื้นที่ในระยะครึ่งแรกของช่วง จากนั้นอุณหภูมิลดลงจนมีอากาศเย็นเกือบทั่วไป กับมีอากาศหนาวบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในวันที่ 1 ม.ค.68 โดยมีฝนร้อยละ 65-80 ของพื้นที่ กับมีฝนหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ในระยะครึ่งแรกของช่วง จากนั้นมีฝนน้อยกว่าร้อยละ 10 ของพื้นที่ นอกจากนี้มีรายงานน้ำท่วมจากช่วงที่ผ่านมาบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในช่วงวันที่ 28-30 ธ.ค.67 และนราธิวาสในวันที่ 30 ธ.ค. 67 ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีอากาศเย็นบางพื้นที่ในระยะกลางและปลายช่วง โดยมีฝนร้อยละ 35-50 ของพื้นที่ในระยะครึ่งแรกของช่วง กับฝนหนักบางพื้นที่ และมีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดตรังในวันที่ 29 ธ.ค. 67
มีรายงานฝนตกหนักและหนักมากบริเวณภาคใต้ของประเทศไทย โดยมีฝนตกหนักมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และนราธิวาส ส่วนบริเวณจังหวัดที่มีฝนตกหนัก ได้แก่ พัทลุง สงขลา ยะลา และตรัง สำหรับปริมาณฝนมากที่สุด วัดได้ 207.6 มิลลิเมตร ที่อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2567
ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา