พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า
คาดหมายอากาศทั่วไป
ระหว่างวันที่ 7 - 13 มกราคม พ.ศ. 2568 ในช่วงวันที่ 7 - 9 ม.ค. 68 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้น 2 ? 4 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ทะเลอันดามันมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 10 ? 13 ม.ค. 68 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงอีกระลอกจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ภาคใต้ตอนบน และทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีอุณหภูมิลดลง กับมีลมแรง โดยภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 5 ? 7 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 2 ? 5 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณตอนล่างของภาค ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2 ? 4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนทะเลอันดามันทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 7 - 9 ม.ค. 68 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น รวมทั้งระวังอันตรายจากอัคคีภัยเนื่องจากสภาพอากาศแห้ง และระมัดระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย
ส่วนในช่วงวันที่ 10 ? 13 ม.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงอีกระลอก ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง และประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย
ออกประกาศ 07 มกราคม 2568 12:00 น.
คาดหมายอากาศรายภาค
ระหว่างวันที่ 7 - 13 มกราคม พ.ศ. 2568
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 7 - 10 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 ? 3 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 11 ? 19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26 ? 32 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 3 - 11 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 5 - 15 กม./ชม.
ส่วนในช่วงวันที่ 11 ? 13 ม.ค. 68 อากาศหนาว กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 5 ? 7 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 9 ? 15 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 23 ? 31 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 1 - 9 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 7 - 9 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2 ? 4 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 12 ? 20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28 - 32 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 5 - 10 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม.
ส่วนในช่วงวันที่ 10 ? 13 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาวจัด กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 5 ? 7 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 7 ? 17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25 - 30 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 4 - 9 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม.
ภาคกลาง ในช่วงวันที่ 7 - 9 ม.ค. 68 อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2 ? 3 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 16 ? 20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 ? 33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 10 ? 13 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 3 ? 5 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 12 ? 20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26 ? 31 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก ในช่วงวันที่ 7 - 9 ม.ค. 68 อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 ? 3 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 17 ? 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 ? 34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 10 ? 13 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 2 ? 4 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 14 ? 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27 ? 31 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก) ในช่วงวันที่ 7 - 9 ม.ค. 68 อากาศเย็นในตอนเช้าทางตอนบนของภาค โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ? 20 ของพื้นที่ทางตอนล่างของภาค
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
อุณหภูมิต่ำสุด 19 ? 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28 ? 33 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 10 ? 13 ม.ค. 68 อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 1 ? 3 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 - 40 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณตอนล่างของภาค
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 - 45 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2 ? 4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร
อุณหภูมิต่ำสุด 16 ? 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26 ? 30 องศาเซลเซียส
ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก) ในช่วงวันที่ 7 - 9 ม.ค. 68 อากาศเย็นในตอนเช้าทางตอนบนของภาค โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งทางตอนล่างของภาค
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 10 ? 13 ม.ค. 68 อากาศเย็นในตอนเช้าทางตอนบนของภาค โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 30 ของพื้นที่
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
อุณหภูมิต่ำสุด 22 - 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 - 34 องศาเซลเซียส
กรุงเทพและปริมณฑล ในช่วงวันที่ 7 - 9 ม.ค. 68 อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 ? 3 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 19 ? 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31 ? 34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 15 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 10 ? 13 ม.ค. 68 อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 2 ? 4 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 16 ? 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28 ? 32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม.
ออกประกาศ 07 มกราคม 2568 12:00 น.
ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา