พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 10 - 16 มกราคม พ.ศ. 2568

ข่าวทั่วไป Friday January 10, 2025 14:35 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 10 - 16 มกราคม พ.ศ. 2568

ออกประกาศวันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2568

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 5/2568

การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 10-13 ม.ค. 68 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ภาคใต้ตอนบน และทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลงกับมีลมแรง โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 5-7 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณตอนล่างของภาค ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2-3 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 14-16 ม.ค. 68 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ภาคใต้ตอนบน และทะเลจีนใต้ มีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีอากาศเย็นในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน จะมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคใต้

ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร คำเตือน ในช่วงนี้บริเวณประเทศไทยตอนบนและภาคใต้ตอนบนจะมีอากาศเย็นถึงหนาวจัด เกษตรกรควรรักษาสุขภาพเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย รวมทั้งระวังการเกิดอัคคีภัยและไฟป่า สำหรับในช่วงวันที่ 10-13 ม.ค. 68 บริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

คำแนะนำสำหรับการเกษตร ภาค พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์ เหนือ ในช่วงวันที่ 10-14 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 5-7 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 8-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 23-31 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 1-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 15-16 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 10-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-32 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 3-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 % ความยาวนานแสงแดด 8-10 ชม. - ระยะนี้จะมีอากาศเย็นถึงหนาว และความชื้นในอากาศยังคงมีสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของหนอนกระทู้ผักในพืชตระกูลกะหล่ำและผักกาด เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บรอกโคลี คะน้า กวางตุ้ง ผักกาดขาว และผักกาดหอม เป็นต้น นอกจากนี้ควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ตะวันออก ในช่วงวันที่ 10-13 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาวจัดกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 5-7 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 7-เฉียงเหนือ 17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-28 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 4-9 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 14-16 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 10-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-31 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 % ความยาวนานแสงแดด 8-10 ชม.

  • ในช่วงนี้จะมีอากาศเย็นถึงหนาวจัดกับมีลมแรง เกษตรกรควรทำแผงกำบังลมให้แก่สัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ควรให้ปริมาณอาหารแก่สัตว์น้ำอย่างเหมาะสม เนื่องจากสัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อยในช่วงที่มีอากาศเย็น จึงควรให้อาหารในช่วงเวลาที่มีอุณหภูมิอุ่นขึ้น กลาง ในช่วงวันที่ 10-13 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 12-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 14-16 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 15-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 % ความยาวนานแสงแดด 8-10 ชม. - ระยะนี้จะมีอากาศเย็นถึงหนาว สำหรับในพื้นที่การเกษตรซึ่งอยู่นอกเขตชลประทาน หากเกษตรกรต้องการปลูกพืชรอบใหม่ควรเลือกพันธุ์ที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย นอกจากนี้ควรวางแผนการใช้น้ำทางด้านการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ ตะวันออก ในช่วงวันที่ 10-13 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ในช่วงวันที่ 14-16 ม.ค. 68 อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 % ความยาวนานแสงแดด 8-10 ชม. - ในช่วงนี้จะมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืช นอกจากนี้ควรผูกยึดค้ำยันกิ่งไม้ผลให้มั่นคงแข็งแรง และควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดอัตราการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน และรักษาอุณหภูมิดิน ใต้ ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณตอนล่างของภาคในช่วงวันที่ 11-12 และ 15-16 ม.ค. 68 โดยในช่วงวันที่ 11-13 ม.ค. 68 อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-45 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ในช่วงวันที่ 14-16 ม.ค. 68 อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % ความยาวนานแสงแดด 5-7 ชม. ฝั่งตะวันตก อากาศเย็นในตอนเช้าทางตอนบนของภาค โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ตลอดช่วง ในช่วงวันที่ 11-14 ม.ค. 68 ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2-3 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ในช่วงวันที่ 15-16 ม.ค. 68 ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-34 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 % ความยาวนานแสงแดด 6-8 ชม. - ระยะนี้จะมีอากาศเย็นทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก รวมทั้งควรกักเก็บน้ำเอาไว้ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงที่มีฝนตกน้อย ส่วนทางตอนล่างของภาคจะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับบริเวณที่มีฝนตกต่อเนื่อง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตก

บนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน ทำให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย หลังจากฝนตกควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อป้องกันน้ำแยกชั้นและเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ สำหรับในช่วงวันที่ 10-13 ม.ค. 68 ควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากคลื่นซัดเข้าหาฝั่งบริเวณชายฝั่งอ่าวไทย RR ลักษณะอากาศในรอบ 7 วันที่ผ่านมา

ระหว่างวันที่ 3 - 9 มกราคม 2568 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน ภาคใต้ตอนบน และทะเลจีนใต้ โดยในระยะครึ่งหลังเริ่มมีกำลังอ่อนลง ลักษณะดังกล่าวทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาว ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออกมีอากาศเย็นทั่วไป กับมีอากาศหนาวในบางพื้นที่ สำหรับภาคใต้มีอากาศเย็นทางตอนบนของภาค ส่วนบริเวณทางฝั่งตะวันออกของภาคในระยะครึ่งแรก ยังคงมี ฝนตกเนื่องจากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน

          ภาคเหนือ มีอากาศหนาวเกือบทั่วไปเกือบตลอดช่วง สำหรับบริเวณเทือกเขาและยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด             ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศหนาวเย็นทั่วไป โดยเฉพาะในวันที่ 6-7 ม.ค. มีอากาศหนาว สำหรับบริเวณเทือกเขาและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด ภาคกลาง มีอากาศเย็นทั่วไป กับมีอากาศหนาวบางพื้นที่เกือบตลอดช่วง ภาคตะวันออก มีอากาศเย็นเกือบทั่วไป กับมีอากาศหนาวบางพื้นที่ทางตอนบนในวันที่ 6-7 ม.ค. สำหรับบริเวณเทือกเขามีอากาศหนาว ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีอากาศเย็นส่วนมากทางตอนบนของภาค กับมีอากาศหนาวบางพื้นที่ในวันที่ 6-7 ม.ค. โดยมีฝนร้อยละ 20-55 ของพื้นที่ในระยะครึ่งแรกของช่วง กับมีฝนหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ หลังจากนั้นมีฝนลดลงอยู่ในเกณฑ์บางพื้นที่ ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ในวันที่ 4-5 และ 7 ม.ค. 68

ช่วงที่ผ่านมามีรายงานฝนตกหนักและหนักมากบริเวณภาคใต้ โดยมีฝนตกหนักมากบริเวณจังหวัดนราธิวาส ส่วนบริเวณจังหวัดที่มีฝนตกหนัก ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา สำหรับปริมาณฝนมากที่สุด วัดได้ 96.6 มิลลิเมตร ที่อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2568

ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ