พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ระหว่างวันที่ 15 - 21 มกราคม พ.ศ. 2568
ออกประกาศวันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2568
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 7/2568 การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 15 - 18 ม.ค. 68 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จาก/ ประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอุณหภูมิลดลงกับมีลมแรงก่อน ส่วนภาคอื่นๆอุณหภูมิจะลดลงในระยะถัดไป โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลง 2 - 4 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน อุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2 - 3 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 19 - 21 ม.ค. 68 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1 - 3 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า แต่ยังคงทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นต่อเนื่อง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 - 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร คำเตือน ในช่วงวันที่ 15 - 18 ม.ค. 68 ขอให้เกษตรกรบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งระวังการเกิดอัคคีภัย เนื่องจากสภาพอากาศแห้งและมีลมแรง สำหรับเกษตรกรที่อาศัยอยู่บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก รวมทั้งระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาชายฝั่งไว้ด้วย
คำแนะนำสำหรับการเกษตร ภาค พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์ เหนือ ในช่วงวันที่ 15-16 และ 19-21 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3
องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 10 - 18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25 - 31 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 3 - 12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 17-18 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 9-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-29 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 2-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 55-65 % ความยาวนานแสงแดด 8-9 ชม. - ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง โดยในช่วงวันที่ 15-16 และ 19-21 ม.ค. 68 อุณหภูมิจะสูงขึ้น แต่ยังคงมีอากาศหนาวเย็นและมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรควรดูแลสุขภาพและให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย รวมทั้งควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวังในขณะสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอก นอกจากนี้ควรเฝ้าระวังการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบไหม้ในมะเขือเทศ โรคราน้ำค้างในพืชตระกูลแตง เป็นต้น สำหรับบริเวณเทือกเขาและยอดดอยจะมีน้ำค้างแข็งได้ในบางพื้นที่ เกษตรกรควรเตรียมการป้องกันเพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดกับพืชผลทางการเกษตรไว้ด้วย ตะวันออก ในช่วงวันที่ 16-18 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด เฉียงเหนือ 8-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-29 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 19-21 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 10-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 55-65 % ความยาวนานแสงแดด 8-9 ชม.
- ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง โดยในช่วงวันที่ 19-21 ม.ค. 68 อุณหภูมิจะสูงขึ้น แต่จะยังคงมีอากาศหนาวเย็นทั่วไป เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ปีกควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน สำหรับในสภาวะอากาศที่แห้งและบางช่วงมีลมแรง เกษตรกรควรระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไร เป็นต้น รวมทั้งควรระวังการเกิดอัคคีภัยไว้ด้วย กลาง
องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 15-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 17-18 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 13-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 55-65 % ความยาวนานแสงแดด 7-9 ชม. - ในช่วงวันที่ 15-16 และ 19-21 ม.ค. 68 อุณหภูมิจะสูงขึ้น แต่จะยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกบางในตอนเช้า และมีแดดจัดในตอนกลางวัน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ปีกควรหมั่นดูแล หากพบสัตว์ป่วยให้แยกออกจากกลุ่มและรีบทำการรักษา เพื่อป้องกันการติดต่อไปยังสัตว์ตัวอื่นๆ สำหรับพืชไร่และไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมอย่างเหมาะสม เนื่องจากอากาศที่แห้ง ทำให้การระเหยของน้ำมีมาก ตะวันออก ในช่วงวันที่ 15-16 และ 19-21 ม.ค. 68 อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 17-18 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 15-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 15-18 ม.ค. 68 ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 19-21 ม.ค. 68 ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 55-65 % ความยาวนานแสงแดด 7-9 ชม. - ระยะนี้อากาศเย็นในตอนเช้า และมีแดดจัดในตอนกลางวัน ทำให้การระเหยของน้ำมีมาก เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกและโคนต้นพืช เพื่อลดอัตราการระเหยของน้ำ รวมทั้งควรระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวก ปากดูด เช่น เพลี้ยและไร เป็นต้น ส่วนเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรควบคุมอาหารและปริมาณการเลี้ยงให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำที่มีอยู่ หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอยู่อย่างแออัด และเจ็บป่วยได้ง่าย ใต้ ฝั่งตะวันออก ตอนบนของภาคมีอากาศเย็นในตอนเช้าตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 15-18 ม.ค. 68 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณตอนล่างของภาคในช่วงวันที่ 15-16 ม.ค. 68 ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 19-21 ม.ค. 68 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 17-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 % ความยาวนานแสงแดด 6-8 ชม. ฝั่งตะวันตก ตอนบนของภาคมีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 20 ของพื้นที่ตลอดช่วง ในช่วงวันที่ 16-17 ม.ค. 68 ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2-3 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 ม.ค. 68 ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรอุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 % ความยาวนานแสงแดด 6-8 ชม. - ระยะนี้มีอากาศเย็นทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนและปากดูดในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ส่วนทางตอนล่างของภาคจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ในช่วงวันที่ 15 - 18 ม.ค. 68 เกษตรกรควรระวังอันตรายจากสภาวะดังกล่าว ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันในช่วงวันที่ 15-18 ม.ค. 68 จะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ โดยเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ส่วนเกษตรกรที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกควรระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง PK ลักษณะอากาศในรอบ 7 วันที่ผ่านมา
ระหว่างวันที่ 8 - 14 มกราคม 2568 มีรายงานฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส โดยวัดปริมาณฝนมากที่สุด ได้ 85.2 มิลลิเมตร ที่นิคมสร้างตนเองศรีสาคร อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2568
ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา