พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 17 - 23 มกราคม พ.ศ. 2568

ข่าวทั่วไป Friday January 17, 2025 15:13 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 17 - 23 มกราคม พ.ศ. 2568 ออกประกาศวันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2568 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 8/2568 การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 18 - 20 ม.ค. 68 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาว สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนลดลง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 21 - 23 ม.ค. 68 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้จะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น กับมีหมอกในตอนเช้า แต่ยังคงทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ทะเลอันดามันมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งประมาณ 1 เมตรคำเตือน ในช่วงวันที่ 18 - 20 ม.ค. บริเวณประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็น เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพ สำหรับสภาพอากาศแห้งเกษตรกรควรระวังอัคคีภัย สำหรับอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นลมแรง เกษตรกรที่อาศัยอยู่บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกควรระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ส่วนในช่วงวันที่ 19 - 23 ม.ค. บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีหมอกใน

ตอนเช้า เกษตรกรควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง

คำแนะนำสำหรับการเกษตร ภาค พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์ เหนือ ในช่วงวันที่ 18 - 20 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9 - 16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26 - 32 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 2 - 8 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 21 - 23 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2 - 4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 12 - 20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 36 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 4 - 10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม.. ความชื้นสัมพัทธ์ 55-65 % ความยาวนานแสงแดด 7-9 ชม. - ระยะนี้อากาศหนาวเย็น เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ สำหรับบริเวณเทือกเขาและยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งควรคลุมดินด้วยวัสดุสีเข้ม เพื่อรักษาอุณหภูมิดิน และรักษาความชื้นภายในดิน ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ และไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งแจ้งตอนกลางคืน เพราะอาจทำให้สัตว์ที่ไม่แข็งแรงตายได้ สำหรับสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่การเกษตร และหลีกเลี่ยงการจุดไฟหากมีความจำเป็นต้องติดไฟควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน สำหรับบางพื้นที่จะมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคราน้ำค้างในพืชไร่และพืชผัก เป็นต้น รวมทั้งหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะจะเปียกชื้นเสียหายได้ นอกจากนี้ควรเพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะขณะผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา อนึ่ง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรลดปริมาณอาหารเนื่องจากอุณหภูมิที่ลดลงจะทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อยลงอาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย และควรให้อาหารในช่วงสายที่อุณหภูมิสูงขึ้นจะทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้มากขึ้น ตะวันออก ในช่วงวันที่ 18 - 20 ม.ค. 68 อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9 - 15 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27 - 31 องศาเซลเซียสเฉียงเหนือ บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6 - 10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 21 - 23 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 3 - 5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 10 - 18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 - 35 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8 - 13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 55-65 % ความยาวนานแสงแดด 7-9 ชม. - ระยะนี้อากาศหนาวเย็น สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย รวมทั้งระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรสำรวจแผงกำบังลมหนาวหากชำรุดเสียหายควร

ซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ตามปกติ เพื่อป้องกันลมโกรกโรงเรือน โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งควรหมั่นสำรวจหากพบสัตว์ป่วยควรรีบแยกออกจากกลุ่มและทำการรักษา เพื่อป้องกันเชื้อโรคแพร่ไปยังตัวอื่นๆ ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรลดปริมาณอาหารเนื่องจากอุณหภูมิที่ลดลงจะทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อยลงอาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย สำหรับปริมาณน้ำที่ระเหยมีมากในระยะนี้ เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เพื่อลดอัตราการระเหยของน้ำบริเวณผิวดินรักษาความชื้นภายในดินและรักษาอุณหภูมิดิน กลาง ในช่วงวันที่ 18 - 20 ม.ค. 68 อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16 - 17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 - 33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 21 - 23 ม.ค. 68 อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 - 3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16 - 19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 - 36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 55-65 % ความยาวนานแสงแดด 7-9 ชม. - สำหรับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย สำหรับระยะนี้และระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อย พื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำ นอกจากนี้ควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ฟางข้าว และหญ้าแห้งเป็นต้น สำหรับบางพื้นที่จะมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคราน้ำค้างในพืชไร่และพืชผักเป็นต้น สำหรับชาวสวนมะม่วงควรระวังและป้องกันโรคราดำ โดยฉีดน้ำบริเวณทรงพุ่มก็จะลดการระบาดของโรคดังกล่าวได้ ตะวันออก ในช่วงวันที่ 18 - 20 ม.ค. 68 อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16 - 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31 - 34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 21 - 23 ม.ค. 68 อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 - 2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16 - 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 - 35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 55-65 % ความยาวนานแสงแดด 7-8 ชม. - สำหรับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย สำหรับระยะนี้และระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อย เกษตรกรควรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ฟางข้าว และหญ้าแห้งเป็นต้น สำหรับบางพื้นที่จะมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคราน้ำค้างในพืชไร่และพืชผักเป็นต้น สำหรับชาวสวนมะม่วงควรระวังและป้องกันโรคราดำ โดยฉีดน้ำบริเวณทรงพุ่มก็จะลดการระบาดของโรคดังกล่าวได้แต่ไม่ควรฉีดน้ำแรงเกินไปเพราะจะทำให้ช่อดอกช้ำการติดผลลดลง ส่วนไม้ผลที่ อยู่ในระยะออกดอก เกษตรกรควรงดให้น้ำรอจนเห็นดอกชัดเจนจึงค่อยให้น้ำโดยให้ในปริมาณที่น้อยก่อนแล้วค่อยเพิ่มปริมาณขึ้น ใต้ ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 18 - 20 ม.ค. 68 ตอนบนของภาคมีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 20 ของพื้นที่ทางตอนล่างของภาค ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. คลื่นสูง 1 - 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 - 35 กม./ชม. คลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 21 - 23 ม.ค. 68 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 20 ของพื้นที่ทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 19 - 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 32 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 % ความยาวนานแสงแดด 7-8 ชม. ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 18 - 23 ม.ค. 68 มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ในช่วงวันที่ 18 - 20 ม.ค. 68 ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 21 - 23 ม.ค. 68 ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นประมาณ 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22 - 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 - 33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 % ความยาวนานแสงแดด 7-8 ชม. - ระยะนี้มีอากาศเย็นทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย สำหรับสภาพอากาศที่แห้งเกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยเฉพาะบริเวณสวนยางพาราควรทำแนวกันไฟรอบพื้นที่การเกษตร และหลีกเลี่ยงการจุดไฟหากมีความจำเป็นต้องจุดไฟควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน ส่วนทางตอนล่างของภาคจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายจากสภาวะดังกล่าว รวมทั้ง

ระวังป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรครากเน่าโคนเน่าในไม้ผล โรคใบยางร่วงในยางพารา เป็นต้น สำหรับบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน จะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ โดยเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ส่วนเกษตรกรที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกควรระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง และผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น AS ลักษณะอากาศในรอบ 7 วันที่ผ่านมา

ระหว่างวันที่ 10 - 16 มกราคม 2568 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงปกคลุมบริเวณประเทศไทย โดยในวันสุดท้ายของช่วงบริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนได้แผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ลักษณะดังกล่าวทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาวเกือบตลอดช่วงกับมีอากาศหนาวจัดในบางพื้นที่ ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออกมีอากาศเย็นทั่วไปเกือบตลอดช่วงกับมีอากาศหนาวหลายพื้นที่ สำหรับภาคใต้มีอากาศเย็นหลายพื้นที่ กับมีฝนส่วนมากทางฝั่งตะวันออกของภาค จากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ นอกจากนี้ยังมีรายงานคลื่นซัดเข้าหาฝั่งบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา

ภาคเหนือ มีอากาศเย็นทั่วไปกับมีอากาศหนาวหลายพื้นที่ในระยะต้นช่วง จากนั้นอุณหภูมิลดลงจนกระทั่งมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดบางพื้นที่ สำหรับบริเวณเทือกเขาและยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีรายงานน้ำค้างแข็งบางพื้นที่บริเวณจังหวัดเชียงใหม่และเพชรบูรณ์ ในวันที่ 13 ม.ค. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศเย็นทั่วไปกับมีอากาศหนาวหลายพื้นที่ในระยะต้นและปลายช่วง โดยเฉพาะในระยะกลางช่วงอุณหภูมิลดลงจนมีอากาศหนาวทั่วไปกับมีอากาศหนาวจัดทางตอนบนของภาค สำหรับบริเวณเทือกเขาและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีรายงานน้ำค้างแข็งบางพื้นที่บริเวณจังหวัดเลยในช่วงวันที่ 13-14 ม.ค. ภาคกลาง มีอากาศเย็นทั่วไปกับมีอากาศหนาวบางพื้นที่ในระยะครึ่งแรกและวันสุดท้ายของช่วง ส่วนวันอื่นๆมีอากาศหนาวเกือบทั่วไป ภาคตะวันออก มีอากาศเย็นเกือบทั่วไป โดยมีอากาศหนาวบางพื้นที่ทางตอนบนของภาค สำหรับบริเวณเทือกเขามีอากาศหนาวถึงหนาวจัด ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีอากาศเย็นส่วนมากทางตอนบนของภาคกับมีอากาศหนาวบางพื้นที่ ในช่วงวันที่ 13-15 ม.ค. โดยมีฝนร้อยละ 55-70 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 10, 13 และ 14 ม.ค. มีฝนร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป โดยมีฝนหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ส่วนมากในระยะปลายช่วง และมีรายงานคลื่นซัดเข้าหาฝั่งบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี สงขลา และนครศรีธรรมราช ในช่วงวันที่ 12-14 ม.ค. ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีอากาศเย็นหลายพื้นที่ในระยะครึ่งหลังของช่วง โดยมีฝนร้อยละ 10-25 ของพื้นที่ในระยะต้นและกลางช่วง จากนั้นมีฝนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 50-65 ของพื้นที่กับมีฝนหนักบางแห่งในวันที่ 15 ม.ค.

ช่วงที่ผ่านมาภาคใต้ มีฝนตกหนักมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ส่วนบริเวณจังหวัดที่มีฝนตกหนัก ได้แก่ ตรัง และสตูล โดยวัดปริมาณฝนสูงสุดได้ 157.4 มิลลิเมตร ที่อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568

ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ