พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 29 มกราคม - 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ข่าวทั่วไป Wednesday January 29, 2025 15:02 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 29 มกราคม - 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ออกประกาศวันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2568 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 13/2568 การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 29 ม.ค. - 3 ก.พ. 68 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นค่อนข้างแรงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ในขณะที่มีลมตะวันตกในระดับบนพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนในช่วงวันที่ 29 - 30 ม.ค. 68 ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นถึงหนาว หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 31 ม.ค. - 3 ก.พ. 68 จะมีอุณหภูมิสูงขึ้น 2 - 5 องศาเซลเซียส

แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีหมอกหนาบางพื้นที่ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ทั้งนี้ในวันที่ 4 ก.พ. 68 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ปกคลุมภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอุณหภูมิลดลง 2 - 4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง ส่วนภาคเหนือตอนบนมีอุณหภูมิลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส สำหรับพื้นที่อื่นๆ จะมีอุณหภูมิลดลงในวันถัดไป สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองสูงมากกว่า 2 เมตร อ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันห่างฝั่งมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร คำเตือน ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและควรเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอก ส่วนสภาพอากาศที่แห้งควรระวังและป้องกันอัคคีภัยไว้ด้วย

          คำแนะนำสำหรับการเกษตร ภาค พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์ เหนือ ในช่วงวันที่ 29 - 30 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาวอุณหภูมิต่ำสุด 12 - 19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24 - 31    องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 3 - 9 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 31 ม.ค. - 4 ก.พ. 68 อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีหมอกหนาหลายพื้นที่ และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2 - 3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14 - 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28 - 35 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5 - 11 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 5 - 15 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60 - 70 % ความยาวนานแสงแดด 7 - 9 ชม. - ระยะนี้มีอากาศหนาวเย็นทั่วไป โดยเฉพาะบริเวณเทือกเขาและยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด กับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร โดยควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุสีเข้มเพื่อรักษาอุณหภูมิดิน และยังช่วยลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน สำหรับสภาพอากาศที่แห้งในระยะนี้ ควรระวังอัคคีภัยและไฟป่า โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่การเกษตรและหลีกเลี่ยงการจุดไฟในแปลงปลูกพืช หากมีความจำเป็นต้องจุดไฟควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน หลังจากวันที่ 31 ม.ค. 68 อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกหนาหลายพื้นที่ เกษตรกรควรเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วยตะวันออก ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 3 ก.พ. 68 อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีหมอกหนาบางพื้นที่ และอุณหภูมิจะสูงขึ้น เฉียงเหนือ 3 - 5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 13 - 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28 - 36 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 7 - 14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10 - 15 กม./ชม. หลังจากนั้นในวันที่ 4 ก.พ. 68 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 2 - 4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 12 - 18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25 - 30 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 5 - 12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 55 - 65 % ความยาวนานแสงแดด 7 - 9 ชม. - ระยะนี้มีอากาศหนาวเย็นทั่วไป โดยเฉพาะบริเวณเทือกเขาและยอดภูจะมีอากาศหนาว เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และระวังป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร โดยคลุมดินด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดอัตราการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดินและรักษาอุณหภูมิดิน ส่วนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็ก ควรเพิ่มอุปกรณ์เพื่อให้ความอบอุ่นภายในโรงเรือน เช่น หลอดไฟกก ป้องกันสัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย นอกจากนี้เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำ ควรลดปริมาณอาหาร เนื่องจากอุณหภูมิที่ลดลงจะทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อยลงและอาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย สัตว์น้ำที่อาศัยอยู่จะอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย ส่วนพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรใช้น้ำอย่างประหยัดและวางแผนการใช้น้ำให้เหมาะสมโดยให้น้ำแก่พืชแบบมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้ระบบน้ำหยด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรต่อไปในช่วงแล้ง กลาง ในช่วงวันที่ 29 - 30 ม.ค. 68 อากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 15 - 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด         29 - 32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 31 ม.ค. - 4 ก.พ. 68    อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีหมอกหนาบางพื้นที่ และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2 - 3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด    17 - 23 55 - 65 % ความยาวนานแสงแดด 7 - 9 ชม. - ระยะนี้มีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า หลังจากนั้นวันที่ 31 ม.ค. 68 อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกหนาในบางพื้นที่ เกษตรกรควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง นอกจากนี้สภาพอากาศที่มีความชื้นสูง อาจส่งผลทำให้เกิดโรคพืชบางชนิด เช่น โรคราน้ำค้าง โรคราแป้ง และโรคเน่าคอดิน เป็นต้น เกษตรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดกับพืชผลทางการเกษตรไว้ด้วย สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย สำหรับสภาวะในช่วงที่อากาศจมตัว เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพราะจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของเกษตรกร โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM 2.5 ที่เกิดจากการเผา ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจได้  ตะวันออก ในช่วงวันที่ 29 - 30 ม.ค. 68 อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 17 - 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 33     องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 31 ม.ค. - 4 ก.พ. 68 อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีหมอกหนาบางพื้นที่ และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2 - 4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19 - 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31 - 35 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 29 ม.ค. - 3 ก.พ. 68 ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1  เมตร หลังจากนั้นในวันที่ 4 ก.พ. 68 ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 55 - 65 % ความยาวนานแสงแดด 7 - 8 ชม. - ระยะนี้มีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ระยะนี้ความชื้นในดินมีน้อย เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณโคนต้นพืชและให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม เนื่องจากความชื้นในดินมีน้อยหากพืชได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำให้เหมาะสมกับชนิดของสัตว์น้ำที่เลี้ยง และดูแลจำนวนสัตว์น้ำให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำที่มีอยู่ หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอยู่อย่างแออัด ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย สำหรับบางพื้นที่ที่มีหมอก เกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงควรระวังและป้องกันโรคราดำในมะม่วงที่เกิดจากมูลของเพลี้ยจักจั่น ทำให้ใบและผลมะม่วงมีราดำปกคลุม ส่งผลให้ใบสังเคราะห์แสงได้น้อยลง และผลผลิตเสียหาย ใต้ ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 3 ก.พ. 68 ฝนเล็กน้อยบางแห่ง ตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราช ขึ้นมา ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ตั้งแต่ จ.สงขลา ลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร หลังจากนั้นในวันที่ 4 ก.พ. 68 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 - 60 ของพื้นที่ และ       มีฝนตกหนักบางแห่ง ตั้งแต่ จ.สุราษฎ์ธานี ขึ้นมา ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราช ลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 20 - 35     กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 20 - 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 34 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 65 - 75 %  ความยาวนานแสงแดด 7 - 8 ชม. ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 3 ก.พ. 68 ฝนเล็กน้อยบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร หลังจากนั้นในวันที่ 4 ก.พ. 68 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 - 40 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1  เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22 - 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31 - 35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 65 - 75 %  ความยาวนานแสงแดด 7 - 8 ชม. - ระยะนี้มีอากาศเย็นในตอนเช้ากับมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนบางพื้นที่ที่ฝนตกไม่สม่ำเสมอ เกษตรกรที่ทำพืชไร่ พืชสวน และพืชผัก ควรระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกหนอนซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช เช่น ใบอ่อนและยอดอ่อน ทำให้ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ ส่วนในวันที่ 4 ก.พ. 68 จะมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยเตรียมทำทางระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมขังบริเวณแปลงปลูก ส่วนบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ



ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ