พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า คาดหมายอากาศทั่วไป ระหว่างวันที่ 3 ? 9 มีนาคม พ.ศ. 2568 ในช่วงวันที่ 3 ? 5 มี.ค. 68 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ยังคงทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางแห่ง สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อย สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีคลื่นสูงต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนในวันที่ 6 - 9 มี.ค. 68 ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป หลังจากนั้นอากาศร้อนจะคลี่คลายลง สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร และทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 3 ? 5 มี.ค. 68 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศร้อนถึงร้อนจัดและควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน ส่วนในวันที่ 6 - 9 มี.ค. 68 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย ชาวเรือบริเวณอ่าวไทย และทะเลอันดามัน ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
ออกประกาศ 03 มีนาคม 2568 12:00 น.
คาดหมายอากาศรายภาค
ระหว่างวันที่ 3 ? 9 มีนาคม พ.ศ. 2568
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 3 ? 5 มี.ค. มีอากาศร้อนถึงร้อนจัดและมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
อุณหภูมิต่ำสุด 16 ? 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 ? 41 องศาเซลเซียส
ส่วนในช่วงวันที่ 6 - 9 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง
และมีลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างและด้านตะวันออก
อุณหภูมิต่ำสุด 18 ? 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 ? 37 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 5 - 15 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 3 ? 5 มี.ค. อากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค
อุณหภูมิต่ำสุด 20 ? 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37 - 40 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 15 กม./ชม.
ส่วนในช่วงวันที่ 6 - 9 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 - 40 ของพื้นที่
กับมีลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างและด้านตะวันออก
อุณหภูมิต่ำสุด 17 ? 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 - 36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม.
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 3 ? 6 มี.ค. อากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่
โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ? 20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางด้านตะวันตกและตอนล่างของภาค
อุณหภูมิต่ำสุด 24 ? 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37 ? 40 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 15 กม./ชม
ส่วนในช่วงวันที่ 7 - 9 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 - 30 ของพื้นที่
กับมีลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางแห่งส่วนมากทางด้านตะวันออก
อุณหภูมิต่ำสุด 23 ? 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 - 37 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม.
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 3 ? 6 มี.ค. อากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ? 20 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 25 ? 28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 ? 40 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 7 ? 9 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 - 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 23 ? 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 ? 37 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 3 ? 6 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ? 20 ของพื้นที่
ลมตะวันออก ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 7 ? 9 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ? 40 ของพื้นที่
ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
อุณหภูมิต่ำสุด 21 ? 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 ? 36 องศาเซลเซียส
ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 4 ? 6 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ? 20 ของพื้นที่
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 7 ? 9 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ? 30 ของพื้นที่
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
อุณหภูมิต่ำสุด 23 - 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 - 36 องศาเซลเซียส
กรุงเทพและปริมณฑล
ในช่วงวันที่ 3 ? 6 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ? 20 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 26 ? 28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 ? 39 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม.
ส่วนในช่วงวันที่ 7 ? 9 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 - 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 25 ? 28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 ? 36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม
ออกประกาศ 03 มีนาคม 2568 12:00 น.
เนื้อหาในหน้านี้
คาดหมายอากาศ 7 วันแบบอินโฟกราฟิก
คาดหมายอากาศทั่วไป
คาดหมายอากาศรายภาค
ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา