ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 11 กรกฎาคม 2551 - 17 กรกฎาคม 2551
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 11-14 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ส่วนในช่วงวันที่ 15-17 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงที่มีฝนตกหนักเกษตรกรควรระมัดระวังอันตรายจากสภาวะดังกล่าว สำหรับผู้ที่ปลูกไม้ดอกไม้ประดับควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งจะทำให้ผลผลิตเสียหาย ส่วนชาวสวนไม้ผลที่เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว ควรตัดแต่งกิ่ง และทาบริเวณรอยแผลด้วยสารป้องกันเชื้อรา
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 11-14 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ส่วนในช่วงวันที่ 15-17 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป โดยมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนบนของภาค ขอให้เกษตรกรโดยเฉพาะทางตอนบนของภาคระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนัก สำหรับข้าวนาปีที่อยู่ทางตอนล่างของภาคซึ่งมีปริมาณฝนน้อย ชาวนาควรระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกปากดูดซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต อนึ่ง เกษตรกรควรกักเก็บสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงที่ปริมาณฝนลดลง หรือฝนทิ้งช่วง
ภาคกลาง
มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ส่วนมากทางด้านตะวันตกของภาคตลอดช่วง สำหรับผู้ที่ปลูกกล้วยไม้ในระยะนี้ควรดูแลโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกไม่อับชื้น เพื่อป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำและปริมาณน้ำให้เหมาะสมกับปริมาณสัตว์น้ำ เพื่อป้องกันสัตว์เครียด และเป็นโรคได้ง่าย
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 11-14 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ส่วนในช่วงวันที่ 15-17 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนอง เป็นแห่งๆ ในบริเวณที่ฝนตกต่อเนื่อง สวนผลไม้ที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรเตรียมการระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกเพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง ส่วนชาวไร่สับปะรดที่กำลังย้ายปลูกในระยะนี้ควรชุบหน่อพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อราก่อนปลูก
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ทางฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 11-14 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ส่วนในช่วงวันที่ 15-17 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆตลอดช่วง สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำในระยะนี้ จะทำให้ผลแคระแกร็น คุณภาพของผลผลิตลดลง อนึ่ง เกษตรกรควรวางแผนใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และเก็บกักน้ำไว้ใช้ ในระยะต่อไป
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74
-สส-