พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 12 ธันวาคม 2551 - 18 ธันวาคม 2551

ข่าวทั่วไป Friday December 12, 2008 14:53 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 12 ธันวาคม 2551 - 18 ธันวาคม 2551

ภาคเหนือ

มีหมอกในตอนเช้า ในช่วงวันที่ 12-14 ธ.ค. อากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 14-16 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส ต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 15-18 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ โดยเพิ่มดวงไฟในโรงเรือน และทำแผงกำบังลมหนาวให้แก่สัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็ก เพื่อป้องกันไม่ให้ สัตว์อ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย ระยะนี้สภาพอากาศที่แห้งประกอบกับมีลมแรง เกษตรกรควรระวังและป้องกัน อัคคีภัยและไฟป่า โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่การเกษตรและอาคารบ้านเรือน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

มีหมอกบางในตอนเช้าในช่วงวันที่ 12-13 ธ.ค. อากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 14-16 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-14 องศาเซลเซียสต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 14-18 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง เนื่องจากระยะนี้ท้องฟ้าโปร่งและมีแสงแดดจัด เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานๆ หากมีความจำเป็นควรสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด เพื่อป้องกันแสงแดด สำหรับอ้อยที่อยู่ในระยะเก็บเกี่ยว เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเผาก่อนตัด เพราะจะเป็นการทำลายความอุดมสมบูรณ์ของจุลินทรีย์ในดิน และควันไฟจะทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลง หากใกล้บริเวณถนน อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 12-14 ธ.ค. อากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส ต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 15-18 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว นอกจากนี้ควรลดปริมาณอาหาร เนื่องจากอุณหภูมิลดลงสัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย ส่วนพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรที่จะปลูกพืชรอบใหม่ควรเลือกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อยแทนการปลูกข้าวนาปรัง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำ เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะมีน้อย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 12-14 ธ.ค. อากาศเย็น และมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียสต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 15-18 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง เนื่องระยะนี้อากาศแห้ง เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว หญ้าแห้ง และใบไม้ เพื่อรักษาความชื้นดิน และหลีกเลี่ยงการเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพราะจะเป็นการทำลายจุลินทรีย์ในดิน ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอกชาวสวนควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ต้นทรุดโทรม การติดผลลดลง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 12-13 ธ.ค. ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมาอากาศเย็นในตอนเช้า ทางตอนล่างของภาคตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 14-18 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป สำหรับทางฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 12-13 ธ.ค. อากาศเย็นและมีเมฆเป็นส่วนมาก และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ในช่วงวันที่ 14-18 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ส่วนมากทางตอนล่างของภาค พื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำท่วมหากระดับน้ำลดลงแล้วเกษตรกรควรรีบระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกเพื่อป้องกันการระบาดของโรครากเน่าโคนเน่า และฟื้นฟูสภาพสวนและแหล่งน้ำให้ใช้ได้ดีดังเดิม นอกจากนี้ชาวสวนยางพาราควรกำจัดวัชพืชในสวน และดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวกเพื่อลดความชื้นภายในสวนป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา อนึ่ง ในช่วงวันที่ 14-16 ธ.ค. บริเวณอ่าวไทยมีคลื่นลมแรง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว และชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74

-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ