ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 29 ธันวาคม 2551 - 04 มกราคม 2552
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 29-30 ธ.ค. 2551 มีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-9 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. 2551 - 4 ม.ค. 2552 มีฝนเล็กน้อยเป็นแห่ง ๆถึงกระจาย ในระยะแรก และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ทำให้มีอากาศหนาวเย็นลง เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ รวมทั้งระวังโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ส่วนผลผลิตทางการเกษตรที่แก่ดีแล้วเกษตรกรควรรีบเก็บเกี่ยว และอย่าทิ้งไว้กลางแจ้งเพราะจะเปียกชื้นเสียหาย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 29-30 ธ.ค. 2551 อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า และมีอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. 2551 - 4 ม.ค. 2552 มีฝนเล็กน้อยเป็นแห่ง ๆถึงกระจาย ในระยะแรก อุณหภูมิจะลดลง 2-5 องศาเซลเซียส ทำให้มีอากาศเย็นลง และมีลมแรง เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน และทำแผงกำบังลมหนาวให้แก่สัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็น ส่งผลให้สัตว์อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย นอกจากนี้เกษตรกรควรรีบเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรที่แก่ดีแล้ว และหลีกเลี่ยงไม่ทิ้งไว้กลางแจ้งเพราะจะเปียกชื้นเสียหาย
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 29-30 ธ.ค. 2551 อากาศเย็น อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. 2551 - 4 ม.ค. 2552 มีฝนเล็กน้อยเป็นแห่ง ๆในระยะแรก อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส ทำให้มีอากาศเย็นลง และมีลมแรง เกษตรกรควรรีบเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรที่แก่ดีแล้ว และหลีกเลี่ยงไม่ทิ้งไว้กลางแจ้งเพราะจะเปียกชื้นเสียหาย ในระยะนี้อากาศแห้งและมีลมแรง ทำให้น้ำระเหยได้มาก เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตอย่างพอเพียง เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ส่วนผู้เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว รวมทั้งควรลดปริมาณอาหาร ป้องกันอาหารเหลือ ทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลให้ให้สัตว์น้ำอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 29-30 ธ.ค. 2551 อากาศเย็น อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. 2551 - 4 ม.ค. 2552 มีฝนเล็กน้อยเป็นแห่งๆในระยะแรก อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส ทำให้มีอากาศจะเย็นลง และมีลมแรง เกษตรกรควรรีบเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรที่แก่ดีแล้ว และหลีกเลี่ยงไม่ทิ้งไว้กลางแจ้งเพราะจะเปียกชื้นเสียหาย สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรมีน้ำสำรองใว้ให้พืชในระยะเจริญเติบโต เพราะหากน้ำไม่เพียงพอ พืชจะชะงักการเจริญเติบโต ถ้าขาดน้ำรุนแรงจะสูญเสียผลผลิตโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตด้อยคุณภาพ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 29-30 ธ.ค. 2551 มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ส่วนมากตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป ส่วนในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. 2551 - 4 ม.ค. 2552 มีฝนฟ้าคะนองกระจาย กับมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป ส่วนทางฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 29-30 ธ.ค. 2551 มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. 2551 - 4 ม.ค. 2552 มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย สำหรับบริเวณที่มีฝนตกเกษตรกรควรกักเก็บน้ำใว้ใช้ในช่วงที่มีฝนตกน้อย ส่วนพื้นที่การเกษตรทีถูกน้ำท่วม หากระดับน้ำลดลงแล้ว เกษตรกรควรรีบระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกอย่าให้น้ำท่วมขังนานเพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศและตายได้ สำหรับทางตอนบนของภาคซึ่งมีฝนตกน้อยเกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตอย่างพอเพียง อนึ่งในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. 2551 - 4 ม.ค. 2552 บริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าวและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74