พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 05 มกราคม 2552 - 11 มกราคม 2552

ข่าวทั่วไป Monday January 5, 2009 15:41 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 05 มกราคม 2552 - 11 มกราคม 2552

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 5-7 ม.ค. มีอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส โดยจะมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อากาศหนาวทางตอนบนของภาค ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-9 องศาเซลเซียส และในช่วงวันที่ 8-11 ม.ค. มีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-17 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-8 องศาเซลเซียส ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังขณะสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา ส่วนผู้ที่ปลูกพืชผักควรคลุมแปลงปลูกด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อสงวนความชื้นในดิน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 5-7 ม.ค. อากาศเย็น และอุณหภูมิสูงขึ้น 2-3 องศาเซลเซียส กับมีหมอกบางในตอนเช้า สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-12 องศาเซลเซียส โดยในช่วงวันที่ 8-11 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง อากาศหนาวทางตอนบนของภาค ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-10 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่างเพียงพอและทำแผงกำบังลมหนาวให้แก่สัตว์ที่ยังเล็ก อนึ่ง ในช่วงที่มีลมแรง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพราะอาจลุกลามเป็นอัคคีภัยได้ง่าย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 5-8 ม.ค. อากาศเย็นกับมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส และมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาเซลเซียส โดยในช่วงวันที่ 9-11 ม.ค. อากาศเย็นและอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส และมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส สำหรับผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากไว้กลางแจ้ง เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายจากหมอกและน้ำค้าง สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลอุณหภูมิและสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพราะจะทำให้สัตว์ปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 5-8 ม.ค. อากาศเย็น และอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส โดยในช่วงวันที่ 9-11 ม.ค. อากาศเย็นและอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะผลอ่อน เกษตรกรควรดูแลให้น้ำอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตด้อยคุณภาพ ในช่วงที่อุณหภูมิลดลงผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรจำกัดปริมาณการให้อาหาร เพราะเศษอาหารที่เหลือ อาจทำให้น้ำเน่าเสียได้

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 5-8 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ส่วนในช่วงวันที่ 9-11 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ทางตอนล่างของภาค ส่วนทางฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 5-8 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 9-11 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย สำหรับบริเวณที่ฝนตกต่อเนื่อง เกษตรกรควรเตรียมอุปกรณ์สำหรับระบายน้ำให้พร้อมใช้งาน ชาวสวนกาแฟควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราชนิดต่างๆ อนึ่งในช่วงวันที่ 9-11 ม.ค. บริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ ส่วนเรือเล็กตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไปควรงดออกจากฝั่ง นอกจากนี้ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74

-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ