ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 07 มกราคม 2552 - 13 มกราคม 2552
ภาคเหนือ
มีหมอกบางพื้นที่ อากาศหนาวทางตอนบนของภาค ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-9 องศาเซลเซียส และในช่วงวันที่ 8-12 ม.ค. มีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-17 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-8 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายอ่อนแอและเจ็บป่วยได้ง่าย ส่วนผู้ที่ปลูกกล้วยไม้ในโรงเรือนควรเพิ่มความชื้น โดยใช้วัสดุอุ้มน้ำชุบน้ำแล้วนำไปวางใว้ในโรงเรือน นอกจากนี้ควรคลุมแปลงปลูกพืชผักด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อรักษาอุณหภูมิและความชื้นดิน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-12 องศาเซลเซียส โดยในช่วงวันที่ 8-13 ม.ค. 2552 อุณหภูมิจะลดลง 2-5 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง อากาศหนาวทางตอนบนของภาค ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-10 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-10 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ และทำแผงกำบังลมหนาวให้กับสัตว์เลี้ยง ผู้ที่จุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงเสร็จแล้ว ควรดับให้สนิททุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัยในพื้นที่การเกษตร และอาคารบ้านเรือน
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 7-8 ม.ค. 2552 อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาเซลเซียส โดยในช่วงวันที่ 9-13 ม.ค. 2552 อากาศเย็นและอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส และมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลอุณหภูมิและสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และควรลดปริมาณอาหาร เนื่องจากอุณหภูมิลดลงทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย นอกจากนี้เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตอย่างพอเพียง เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 7-8 ม.ค. 2552 อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส โดยในช่วงวันที่ 9-13 ม.ค. 2552 อากาศเย็นและอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรวางแผนการจัดการน้ำทางด้านการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ในพืชไร่และไม้ผล ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นทรุดโทรม ผลผลิตลดลง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 7-8 ม.ค. 2552 มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ส่วนในช่วงวันที่ 9-13 ม.ค. 2552 อากาศเย็นทางตอนบนของภาค กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ทางตอนล่างของภาค ส่วนทางฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 7-8 ม.ค. 2552 มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 9-13 ม.ค. 2552 มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย สำหรับในช่วงที่ฝนตกหนักต่อเนื่อง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วม เตรียมอุปกรณ์สำหรับระบายน้ำให้พร้อมใช้งาน ส่วนทางตอนบนของภาคซึ่งสภาพอากาศแห้งและมีฝนตกน้อย เกษตรกรควรดูแลให้น้ำอย่างพอเพียงแก่พืชที่มีระบบรากสั้น และอยู่ในระยะเจริญเติบโต อนึ่งในช่วงวันที่ 9-13 ม.ค. บริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ ส่วนเรือเล็กตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไปควรงดออกจากฝั่ง นอกจากนี้ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74