พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 16 มกราคม 2552 - 22 มกราคม 2552

ข่าวทั่วไป Friday January 16, 2009 15:57 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 16 มกราคม 2552 - 22 มกราคม 2552

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 16-17 ม.ค. อากาศหนาว อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 2-5 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 18-22 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-5 องศาเซลเซียส โดยมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ เกษตรกรควรเพิ่มความระมัดระวังขณะสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา ในช่วง 1-2 วันนี้บริเวณเทือกเขาและยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดและอาจมีน้ำค้างแข็งได้บางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน กำบังป้องกันลม เพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็น นอกจากนี้ควรดับไฟที่จุดเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงให้สนิททุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 17-22 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-5 องศาเซลเซียส อากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-9 องศาเซลเซียส โดยมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ เกษตรกรควรเพิ่มความระมัดระวังขณะสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา และให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันร่างกายอ่อนแอและเจ็บป่วยได้ง่าย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรจำกัดปริมาณอาหาร เพราะขณะที่อุณหภูมิลดลงสัตว์จะกินอาหารได้น้อยลง เศษอาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 17-22 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-5 องศาเซลเซียส โดยจะมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรเพิ่มความระมัดระวังขณะสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา รวมทั้งดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ผู้ที่ปลูกพืชไร่ควรระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกปากดูดชนิดต่างๆ ซึ่งอาจระบาดได้ในช่วงนี้ที่มีสภาพอากาศแห้ง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 16-17 ม.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 18-22 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-5 องศาเซลเซียส และมีหมอกในตอนเช้า เนื่องจากในระยะนี้สภาพอากาศแห้งทำให้น้ำระเหยได้มาก เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อรักษาความชื้นในดิน รวมทั้งควรระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรชนิดต่างๆ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ฝั่งตะวันออกอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส โดยตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไปมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจายตลอดช่วง ส่วนทางฝั่งตะวันตกอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส และมีเมฆบางส่วน ในช่วงวันที่ 18-22 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ผู้เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลอุณหภูมิและสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และจำกัดปริมาณการให้อาหารให้น้อยลง ป้องกันน้ำเน่าเสีย จากเศษอาหารที่เหลือ สำหรับผู้ที่เพิ่งปลูกพืชผักรอบใหม่ ควรดูแลให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชอย่างเพียงพอ ป้องกันพืชขาดน้ำทำให้ชะงักการเจริญเติบโต อนึ่งในช่วงวันที่ 16-17 ม.ค.บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร และมีคลื่นลมแรงพัดเข้าหาฝั่ง เกษตรกรและผู้ทำประมงชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว สำหรับชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74

-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ