พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 11 พฤศจิกายน 2552 - 17 พฤศจิกายน 2552

ข่าวทั่วไป Wednesday November 11, 2009 15:25 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 11 พฤศจิกายน 2552 - 17 พฤศจิกายน 2552

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 11-12 พ.ย. อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส และมีหมอกในตอนเช้ากับมีหมอกหนาในบางพื้นที่ สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 13-17 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆส่วนมากทางด้านตะวันออกของภาค เกษตรกรควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง ขณะผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา สำหรับผู้ที่ปลูกกาแฟควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคราสนิม โรคใบจุด และโรคผลเน่า โดยตัดแต่งกิ่งกาแฟที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก รวมทั้งกำจัดวัชพืชในสวนให้โล่งเตียน และเก็บกวาดใบที่ร่วงหล่นไปทำลาย เพื่อไม่ให้เป็นที่อาศัยหลบซ่อนของโรคและแมลงศัตรูพืช

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 11-12 พ.ย. อากาศเย็นทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส และมีหมอกในตอนเช้า สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส โดยที่มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 13-17 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจายในระยะแรก จากนั้นอากาศจะเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว อุณหภูมิแตกต่างกันมากระหว่างช่วงกลางวันและกลางคืน ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ ป้องกันสัตว์ปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย นอกจากนี้ควรวางแผนการใช้น้ำทางด้านการเกษตรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เนื่องจากระยะต่อไปจะมีฝนน้อย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 11-12 พ.ย. มีหมอกบางในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางตอนล่างของภาคหลังจากนั้นในช่วงวันที่ 13-17 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย สำหรับผลผลิตทางการเกษตร เช่น ข้าวโพดที่อยู่ในระยะฝักแก่ เกษตรกรควรรีบเก็บเกี่ยว และไม่ควรตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง เพราะอาจจะเปียกชื้นเสียหายได้ ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 11-12 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 13-17 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะลดลง เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำทางด้านการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้งที่กำลังจะมาถึง ระยะนี้แม้ปริมาณฝนจะลดลงแต่ความชื้นในดินยังคงมีอยู่ ชาวสวนผลไม้จึงควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราโดยเฉพาะโรครากเน่าและโคนเน่า ซึ่งจะทำให้รากและต้นเสียหาย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 11-13 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ส่วนมากทางตอนล่างของภาค หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 14-17 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ตลอดช่วง สำหรับพื้นที่ซึ่งระดับน้ำลดลงแล้ว เกษตรกรควรรีบพื้นฟูสภาพสวนและแหล่งน้ำ อย่าปล่อยให้น้ำขังบริเวณโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศ และต้นตายได้ นอกจากนี้ควรระวังสุขอนามัยเพื่อป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร และโรคตาแดง อนึ่ง ในช่วงวันที่ 16-17 พ.ย.บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรระมัดระวังในการเดินเรือ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74

-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ