พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 9 ธันวาคม 2552 - 15 ธันวาคม 2552

ข่าวทั่วไป Wednesday December 9, 2009 15:41 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 09 ธันวาคม 2552 - 15 ธันวาคม 2552

ภาคเหนือ

ทางตอนบนของภาค: อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาค อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-12 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในหลายพื้นที่โดยเฉพาะช่วงวันที่ 9-13 ธ.ค. สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว สัตว์เลี้ยงที่ปรับตัวไม่ทันจะอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา ส่วนผู้ที่ปลูกพืชผักควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคราน้ำค้างซึ่งอาจระบาดได้ในช่วงที่มีหมอกหนาและน้ำค้างจัด

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ช่วงวันที่ 9-13 ธ.ค. ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 7-12 องศาเซลเซียส อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ช่วงวันที่ 14-15 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียสและหมอกจะลดลง ชาวนาที่เก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการเผาตอซัง เพราะอาจลุกลามเกิดอัคคีภัยได้ง่ายในสภาพอากาศเช่นนี้ รวมทั้งผู้ที่จุดไฟเพื่อเพิ่มความอบอุ่น ควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน

ภาคกลาง

ช่วงวันที่ 9-14 ธ.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส บริเวณเทือกเขามีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศาเซลเซียส หลังจากนั้น อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส และหมอกจะลดลง สำหรับผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้วไม่ควรตากไว้กลางแจ้งข้ามคืน อาจจะเปียกชื้นเสียหายเนื่องจากหมอกได้ สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน หากต้องการปลูกพืชรอบใหม่ควรเลือกปลูกพืชที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น ใช้น้ำน้อย หรือทนแล้ง เพื่อลดความเสี่ยงต่อพืชขาดแคลนน้ำจนชะงักการเจริญเติบโต และต้นแคระแกร็น

ภาคตะวันออก

ช่วงวันที่ 9-14 ธ.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส บริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นอุณหภูมิลดลง 1-3 องศาเซลเซียส และหมอกจะลดลง สำหรับไม้ผลที่เริ่มแทงช่อดอก ชาวสวนควรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม และควรหาวัสดุคลุมโคนต้นพืช เพื่อสงวนความชื้นในดิน รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชเสียหาย ผลผลิตลดลง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ฝั่งตะวันออกทางตอนบนของภาคอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส ช่วงวันที่ 9-14 ธ.ค. ทางตอนล่างของภาคมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ หลังจากนั้น ทางตอนล่างของภาคมีฝนฟ้าคะนองกระจายและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนทางฝั่งตะวันตกช่วงวันที่ 9-14 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค หลังจากนั้นมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ระยะนี้ทางตอนบนของภาคอากาศแห้ง เกษตรกรที่ปลูกพืชควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะพืชที่มีระบบรากตื้น เพื่อป้องกันพืชขาดน้ำจนชะงักการเจริญเติบโต ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศชื้น ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราต่างๆ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74

-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ