พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 11 มกราคม 2553 - 17 มกราคม 2553

ข่าวทั่วไป Monday January 11, 2010 14:18 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 11 มกราคม 2553 - 17 มกราคม 2553

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 11-12 ม.ค. ตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-15 องศาเซลเซียส ส่วนตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 13-17 ม.ค. อากาศหนาวอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่บริเวณเทือกเขาสูง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย นอกจากนี้เกษตรกรบนยอดดอยควรระวังและป้องกันความเสียหายกับพืชผลทางการเกษตร หากเกิดน้ำค้างแข็ง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในวันที่ 11 ม.ค. อากาศเย็นกับมีฝนบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-14 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 12-17 ม.ค. อากาศหนาวและมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 4-7 องศาเซลเซียส เกษตรกรจึงควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อไม่ให้เจ็บป่วย ในช่วงนี้ลมแรงควรทำแผงกำบังลมหนาวให้แก่สัตว์เลี้ยง สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรลดปริมาณอาหารลง ป้องกันมิให้อาหารตกค้างในบ่อเพราะจะทำให้น้ำเสีย และควรเพิ่มออกซิเจนแก่สัตว์น้ำ

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 11-12 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณเทือกเขา อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 13-17 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-5 องศาเซลเซียส และมีลมแรง ทำให้น้ำระเหยไปจากดินได้มากขึ้น เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว ใบไม้ และหญ้าแห้ง เพื่อสงวนความชื้นดิน นอกจากนี้ควรระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในพืชไร่ ไม้ดอก และไม้ผล ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 11-12 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า บริเวณเทือกเขา อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-17 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 13-17 ม.ค. อากาศเย็นและมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรลดความหนาแน่นปริมาณสัตว์น้ำในบ่อ และดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หากสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันจะอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 11-12 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 13-17 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนทางฝั่งตะวันตกในช่วง วันที่ 11-12 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 13-17 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ระยะที่ผ่านมาภาคใต้ตอนบนมีฝนน้อย เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในพืชผักและ ไม้ผล สำหรับยางพาราที่อยู่ในระยะผลัดใบ เกษตรกรควรระวังและป้องกันอัคคีภัย อนึ่ง ในวันที่ 13-17 ม.ค. คลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังค่อนข้างแรง ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74

-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ