พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 13 มกราคม 2553 - 19 มกราคม 2553

ข่าวทั่วไป Wednesday January 13, 2010 15:01 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 13 มกราคม 2553 - 19 มกราคม 2553

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 13-17 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า ตอนบนของภาคอากาศหนาว ส่วนตอนล่างของภาคอากาศเย็น ส่วนบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด ส่วนในช่วงวันที่ 18-19 ม.ค. จะมีหมอกเพิ่มมากขึ้น เกษตรกรควรขับขี่ยานพาหนะด้วยความระมัดระวัง ขณะผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอก เกษตรกรควรดูแลให้น้ำอย่างเหมาะสม โดยหากเห็นดอกชัดเจนแล้วจึงค่อยให้น้ำโดยเริ่มจากน้อยๆแล้วค่อยเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ควรวางแผนการใช้น้ำทางด้านการเกษตรให้สามารถมีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 13-17 ม.ค. อากาศหนาว อุณหภูมิจะลดลงอีก 3-5 องศาเซลเซียส และมีลมแรง ส่วนบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด ส่วนในช่วงวันที่ 18-19 ม.ค. จะมีหมอกในตอนเช้า ในช่วงที่อากาศหนาว เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ รวมทั้งควรทำแผงกำบังลมหนาวให้สัตว์ที่ยังเล็ก ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพราะจะทำให้สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย นอกจากนี้ผู้ที่จุดไฟให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยง หากใช้งานเสร็จแล้วควรดับไฟให้สนิททุกครั้งเพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 13-17 ม.ค. มีฝนบางแห่ง และอากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส และมีลมแรง ส่วนบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว ส่วนในช่วงวันที่ 18-19 ม.ค. จะมีหมอกในตอนเช้า สำหรับในช่วงที่อุณหภูมิลดลง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพราะจะทำให้สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งควรลดปริมาณอาหารลงเนื่องจากอุณหภูมิที่ต่ำจะทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะหมักหมมทำให้น้ำเน่าเสีย ส่วนพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อยแทนการปลูกข้าวนาปรัง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 13-17 ม.ค. มีฝนบางแห่ง และอากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส และมีลมแรง ส่วนบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว ส่วนในช่วงวันที่ 18-19 ม.ค. จะมีหมอกในตอนเช้า สำหรับในช่วงที่อุณหภูมิลดลง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพราะจะทำให้สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งควรลดปริมาณอาหารลงเนื่องจากอุณหภูมิที่ต่ำจะทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะหมักหมมทำให้น้ำเน่าเสีย ส่วนพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อยแทนการปลูกข้าวนาปรัง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 13-16 ม.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ส่วนในช่วงวันที่ 17-19 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งทางตอนล่างของภาค ส่วนทางฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 13-16 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆส่วนมากทางตอนล่างของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 17-19 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่งทางตอนล่างของภาค สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันจะทำให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย สำหรับพื้นที่การเกษตรที่มีแหล่งเก็บน้ำเป็นของตนเองควรใช้น้ำอย่างประหยัด และวางแผนการใช้น้ำทางด้านการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง อนึ่ง ในระยะนี้คลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังแรง ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและเรือเล็กในอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74

-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ