ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 22 มกราคม 2553 - 28 มกราคม 2553
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 22-24 ม.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศาเซลเซียส กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 25-28 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรไม่ควรตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้งในช่วงวันที่ 22-24 ม.ค. อาจเปียกฝนเสียหายได้ สำหรับสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง อาจทำให้เกิดการระบาดของโรคพืชจากเชื้อราในพืชผัก เกษตรกรควรป้องกันกำจัดโรคดังกล่าว
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 22-23 ม.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 24-28 ม.ค. มีฝนบางแห่ง ในระยะแรก ต่อจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง อาจเปียกฝนเสียหายได้ สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงเกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยง
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 22-24 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 25-28 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวมาแล้วไม่ควรผึ่งไว้กลางแจ้งในช่วงวันที่ 22-24 ม.ค. อาจเปียกฝนเสียหายได้ สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในช่วงแล้ง ควรเลือกพืชใช้น้ำน้อย อายุการเก็บเกี่ยวสั้น เช่น พืชผัก หรือพืชตระกูลถั่ว อีกทั้งควรหาแหล่งน้ำสำรอง เพื่อลดความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำของพืช
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 22-24 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 25-28 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ และอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส ฝนที่ตกในระยะนี้จะเป็นผลดีกับพืชที่กำลังเจริญเติบโต แต่เกษตรกรไม่ควรตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง อาจเปียกฝนเสียหาย และควรกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้ในช่วงที่ขาดแคลนน้ำ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 22-24 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ส่วนในช่วงวันที่ 25-28 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย เกษตรกรควรกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้ในช่วงต่อไปเมื่อฝนลดลง ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปจะมีกำลังแรงขึ้นในช่วงวันที่ 25-28 ม.ค. ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74