ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 25 มกราคม 2553 - 31 มกราคม 2553
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 25-26 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจายและอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส ตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศาเซลเซียส ตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-13 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 27-31 ม.ค. มีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ ขอให้เกษตรกรระมัดระวังอันตรายขณะสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา ส่วนผู้ที่ปลูกพืชผักควรระวังและป้องกัน การระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรคราน้ำค้าง เป็นต้น
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 25-26 ม.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-15 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 27-31 ม.ค. อากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง อาจเปียกชื้นเสียหายได้ ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรลดปริมาณการให้อาหารอย่างเหมาะสมในช่วงที่อุณหภูมิลดลง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาน้ำเน่าเสียจากเศษอาหารที่เหลือ
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 25-26 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 27-31 ม.ค. อุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า ในสภาพอากาศที่เย็นและแห้งเช่นนี้ ชาวนาควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นพืชเสียหาย และชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 25-26 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 27-31 ม.ค. มีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายจากสภาวะดังกล่าวได้
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 27-31 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ส่วนฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ตลอดช่วง สำหรับฝนที่ตกทำให้สภาพอากาศชื้น สวนยางพาราโดยเฉพาะทางฝั่งตะวันออกของภาคควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราชนิดต่างๆ ทำให้ผลผลิตเสียหายและด้อยคุณภาพ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74