พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 8 กุมภาพันธ์ 2553 - 14 กุมภาพันธ์ 2553

ข่าวทั่วไป Monday February 8, 2010 14:35 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 08 กุมภาพันธ์ 2553 - 14 กุมภาพันธ์ 2553

ภาคเหนือ

มีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส เกษตรกรที่ปลูกพืชบริเวณยอดดอยควรระวังและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับพืชผลทางการเกษตรอันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่หนาวจัด นอกจากนี้เกษตรกรควรเพิ่มความระมัดระวังขณะสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา ส่วนผู้ที่ปลูกพืชผักควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืช และคลุมบริเวณแปลงปลูกด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดอัตราการระเหยของน้ำจากดิน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

โดยทั่วไปทางตอนบนของภาค อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส ช่วงวันที่ 8-9 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ต่อจากนั้นอุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ช่วงวันที่ 13-14 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจายและลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาค ฝนที่ตกในระยะนี้มีปริมาณน้อย พื้นที่การเกษตรที่อยู่นอก เขตชลประทานไม่ควรปลูกพืชรอบใหม่ เพราะเสี่ยงต่อการที่พืชจะขาดแคลนน้ำในระยะเจริญเติบโต พื้นที่การเกษตรโดยทั่วไปควรบริหารจัดการน้ำที่สำรองไว้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 8-9 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ และลมกระโชกแรงบางแห่ง ต่อจากนั้นมีหมอกบางในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง เกษตรกรควรหมั่นสำรวจและตัดแต่งกิ่งต้นไม้รวมทั้งซ่อมแซมสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรง เพื่อป้องกันอันตรายขณะมีลมกระโชกแรงได้ นอกจากนี้ไม่ควรตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง เพราะอาจจะเสียหายจากฝนและลมได้โดยเฉพาะช่วงวันที่ 8-9 ก.พ.

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 8-9 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ และลมกระโชกแรงบางแห่ง ต่อจากนั้นมีหมอกบางในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนมากตามบริเวณชายฝั่งและเทือกเขา เนื่องจากฝนมีปริมาณน้อย ผู้ที่ปลูกพืชไร่ควรระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้พืชเสียหาย นอกจากนี้เกษตรกรควรบริหารจัดการน้ำที่สำรองไว้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆตลอดช่วง เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกมีน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช สำหรับไม้ผลที่กำลังออกดอกและติดผลอ่อน ชาวสวนควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันผลอ่อนและดอกร่วงหล่น ผลผลิตลดลง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74

-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ