ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 17 กุมภาพันธ์ 2553 - 23 กุมภาพันธ์ 2553
ภาคเหนือ
มีหมอกในตอนเช้าและมีฟ้าหลัวในตอนกลางวันตลอดช่วง ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส เว้นแต่ช่วงวันที่ 17-18 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งทางด้านตะวันออกของภาค เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตไว้กลางแจ้งเพื่อป้องกันการเปียกชื้นเสียหาย ส่วนไม้ดอกและผักชนิดต่างๆ ที่กำลังเจริญเติบโตควรดูแลให้น้ำสม่ำเสมอและคลุมโคนต้นด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดอัตราการระเหยของน้ำจากดิน นอกจากนี้ควรวางแผนการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 17-19 ก.พ. มีพายุฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ และลมกระโชกแรงบางแห่งต่อจากนั้น ฝนลดลงและมีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับผลผลิตทางการเกษตรเนื่องจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เนื่องจากระยะนี้ปริมาณฝนตกน้อย สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะผลอ่อน ชาวสวนควรดูแลให้น้ำ อย่างเพียงพอ รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรชนิดต่างๆ
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 17-19 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ต่อจากนั้นมีอากาศร้อนและมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน เนื่องจากในระยะนี้อากาศร้อนประกอบกับปริมาณน้ำที่ระเหยมีมากขึ้น ดังนั้นผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรควบคุมปริมาณสัตว์น้ำไม่ให้หนาแน่นเกินไปเพราะอาจทำให้สัตว์เครียด อ่อนแอ และเป็นโรค ได้ง่าย นอกจากนี้เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 17-19 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ต่อจากนั้นมีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวันและมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนมากตามบริเวณชายฝั่งและเทือกเขา ชาวสวนควรตรวจสอบและซ่อมแซมอุปกรณ์ที่ผูกยึดหรือค้ำยันกิ่งและลำต้นของไม้ผลให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการหักโค่นในช่วงที่มีลมกระโชกแรง ส่วนผักและพืชไร่ที่กำลังเจริญเติบโต เกษตรกรควรดูแลให้น้ำอย่างเพียงพอ รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของเพลี้ยและไรชนิดต่างๆ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 17-19 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ต่อจากนั้นมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีเมฆบางส่วนกับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งตลอดช่วง สำหรับบริเวณที่มีฝนตกน้อย เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสมโดยเฉพาะไม้ยืนต้นที่มีขนาดเล็ก เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโตและแคระแกร็น ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอกและติดผลอ่อน ชาวสวนควรดูแลให้น้ำในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อป้องกันดอกและผลอ่อนร่วงหล่น รวมทั้งควรระวังป้องกันการระบาดของเพลี้ยชนิดต่างๆ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74